กัญชาเสรีล้มเหลว ปชช.-รัฐร่วมแก้กม.คืนสู่ยาเสพติด
บทความนี้จะวิเคราะห์ความเป็นมาและสภาพปัญหาของนโยบายปลดล็อคกัญชาเสรี ตลอดจนความเห็นและท่าทีของหน่วยงานรัฐและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการสรุปประเด็นและข้อเท็จจริงจากข่าวที่นำเสนอมาข้างต้น
ย้อนไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2565 รัฐบาลได้ประกาศปลดล็อคให้กัญชาเป็นพืชเสรี เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทั้งทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย และเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่ แต่ผ่านมา 2 ปี กลับพบว่านโยบายดังกล่าวนำมาซึ่งผลเสียหลายประการ
ปัญหาแพร่ระบาดในวัยรุ่นและเยาวชน
ที่สำคัญคือ เมื่อไม่มีการควบคุมการเข้าถึง ทำให้เยาวชนหันมาใช้กัญชาเพื่อสันทนาการกันอย่างแพร่หลาย สถิติพบว่ามีการใช้ในกลุ่มนี้เพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่า ทั้งยังส่งผลให้มีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากกัญชามารับการรักษามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาวะเมาหรือโรคจิตจากกัญชา ซึ่งก็ทำให้รัฐต้องเสียงบประมาณไปกับการรักษาพยาบาลเพิ่มเติม
การปลูกใช้และแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ การปลดล็อคกัญชาเป็นพืชเสรียังทำให้เกิดการปลูกทั้งในระดับครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ทั่วประเทศ เกิดการใช้และแพร่ระบาดแบบควบคุมไม่ได้ ผลสำรวจของนิด้าโพลก็บ่งชี้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ราว 60% ไม่เห็นด้วยกับการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ
กระแสเรียกร้องให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดกระแสเรียกร้องจากหน่วยงานรัฐและภาคประชาสังคมต่างๆ โดย YNAC และเครือข่ายแพทย์ นักวิชาการ ได้รวมรวมรายชื่อประชาชนกว่า 2 แสนชื่อ นำไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรี ขอให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด และจำกัดให้ใช้เฉพาะเพื่อการแพทย์เท่านั้น
ข้อเสนอแนะต่อการแก้ไขนโยบาย
นอกจากการเร่งแก้กฏหมายโดยเร็วแล้ว YNAC ยังเสนอให้แต่งตั้งคณะทำงานผสมผสานหลายฝ่าย ทั้งบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ผู้สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และผู้คัดค้านใช้เพื่อสันทนาการ มาร่วมออกแบบนโยบายและกฎหมายกัญชาใหม่ เพื่อเอื้อให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ แต่มีการควบคุมป้องกันผลเสียด้วย ซึ่งคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดและกระทรวงสาธารณสุขก็ได้เตรียมเสนอแก้ไขกฏหมาย คาดนำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดได้ในวันที่ 1 ม.ค. 2568
จะเห็นว่านโยบายกัญชาเสรีที่ปลดล็อคมาแล้ว 2 ปี แม้จะมีเจตนาให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ แต่กลับเกิดผลทางลบมากมาย ทั้งการแพร่ระบาดในกลุ่มเยาวชน การปลูกใช้อย่างกว้างขวาง และผลกระทบกับงบประมาณสาธารณสุข จนภาครัฐและประชาสังคมต้องออกมาเรียกร้องให้แก้ไขนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งคาดว่ากระบวนการกฎหมายน่าจะเห็นผลในต้นปีหน้า เหลือแค่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในรายละเอียดเพื่อให้ยังสามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ภายใต้การควบคุมที่เหมาะสม