เปิดสถิติ “ยุทธการทุบคลัง ปิดเส้นลำเลียง” รัฐบาลกวาดจับยาเสพติดกว่า 33 ล้านเม็ด

“ยุทธการทำลายล้างเครือข่ายยาเสพติด” กวาดล้างครั้งใหญ่ทั่วประเทศ

วันที่ 21 ตุลาคม 2568 เวลา 16.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงผลปฏิบัติการภายใต้ชื่อ “ยุทธการทำลายล้างเครือข่ายยาเสพติด ทำลายจุดพัก ทุบคลัง ปิดเส้นลำเลียง” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ป.ป.ส.

ในการแถลงข่าว มีผู้บริหารระดับสูงร่วมงานครบ อาทิ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ปส. และ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส.

ผลปฏิบัติระหว่างวันที่ 9 – 20 ตุลาคม 2568

ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า การปฏิบัติการครั้งนี้สามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญทั่วประเทศได้รวม 10 คดี ผู้ต้องหา 16 ราย พร้อมของกลางจำนวนมาก ดังนี้

• ยาบ้า : 33,840,000 เม็ด

• ไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน) : 800 กิโลกรัม

• เคตามีน : 500 กิโลกรัม

• ทรัพย์สินที่อายัด : รถยนต์ บ้านพัก และเงินสดหลายรายการ (อยู่ระหว่างขยายผล)

นับเป็นหนึ่งในยุทธการที่มีปริมาณของกลางมากที่สุดในรอบปี และเป็นการตอกย้ำแนวนโยบายหลักของรัฐบาลที่ประกาศให้ “ยาเสพติดและอาชญากรรมไซเบอร์” เป็นศัตรูของรัฐ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลหนุนเต็มกำลัง ปกป้องเจ้าหน้าที่สุจริต

นายอนุทินกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทและเสียสละ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนการปราบปรามยาเสพติดอย่างเต็มกำลัง รวมถึงการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานโดยสุจริตให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหายาเสพติดต้องแก้ไขในทุกมิติ ทั้งการทลายเครือข่ายในประเทศ การปิดเส้นทางลำเลียง และการขยายความร่วมมือกับนานาชาติ เพื่อยุติการค้าและฟอกเงินจากยาเสพติดอย่างเป็นระบบ

เพิ่มมาตรการปราบ “สแกมเมอร์-อาชญากรรมไซเบอร์” ควบคู่

นอกจากการปราบยาเสพติด นายอนุทินยังมอบหมายให้หน่วยงานด้านความมั่นคงและเทคโนโลยีสารสนเทศ ดำเนินการต่อเนื่องในการจัดการกับ “สแกมเมอร์” และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งกำลังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของประชาชน

“รัฐบาลจะเป็นศัตรูกับสิ่งเหล่านี้แน่นอน” นายกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมขอให้สื่อมวลชนช่วยเผยแพร่ผลงานเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและให้ผู้กระทำผิดเกิดความเกรงกลัวต่อกฎหมาย