ยายเปิดใจหลังพาหลาน 4 คนนั่งกลางแม่น้ำร้องไห้ ค้ำประกันทำเดือดร้อนหนัก!
เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 30 ก.ค. เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและมั่นคงของมนุษย์ จ.มหาสารคาม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กจังหวัดมหาสารคาม ลงพื้นที่ที่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 3 บ้านวังบัว ต.ขามเฒ่าพัฒนา อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นบ้านของนางสาวทองเสียม แก้วจุมพล อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่พาหลาน ๆ ทั้ง 4 คนไปนั่งที่กลางสะพาน ท่ามกลางแดดร้อนจัด
จากการพูดคุยกับย่าทองเสียม ทราบว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปค้ำประกันรถจักรยานยนต์ให้คนในหมู่บ้านที่รู้จักกัน เมื่อปี 62 แต่กลับปรากฎว่าคน ๆ นั้น ไม่ยอมส่งค่างวดรถ ทำให้ไฟแนนซ์มาตามทวงถามที่ตน ทุกเดือน จนล่าสุด มีหนังสือจากไฟแนนซ์แจ้งให้มาชำระหนี้ครั้งสุดท้ายก่อนฟ้องศาล
โดยในเนื้อความของจดหมายระบุว่า ได้ค้างค่างวดตั้งแต่งวดที่ 5 ถึงงวดที่ 12 รวมเป็นเงิน 12,400 บาท ซึ่งยังไม่รวมดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทางบริษัทให้ไปชำระภายใน 10 วัน ก่อนที่จะฟ้องศาล ตนเองไม่มีเงินจึงตัดสินใจ เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมในจังหวัด ทางจังหวัดก็ให้กลับมาที่อำเภอกันทรวิชัย ทางเจ้าหน้าที่ก็อธิบายให้ฟัง พอจะไปแจ้งความว่าผู้กู้ไม่ยอมชำระหนี้ ไปปรึกษาตำรวจ ตำรวจก็ว่าเป็นเรื่องของความยินยอมทั้งสองคน ไม่รับแจ้งความ
ทำให้ตนเกิดความเครียด เครียดแบบไม่มีทางออก ตอนนั้นก็ปวดหัว เหมือนหัวจะระเบิด ไม่มีใครสามารถให้ความช่วยเหลือตนได้ จึงขี่ซาเล้งมาพร้อมหลาน ๆ 4 คน มาจอดตรงสะพานข้ามแม่น้ำชี เพราะขับรถต่อไปไม่ไหว กลัวว่ารถจะชน จึงได้เอาเสื่อมาปูนั่งอยู่กลางสะพาน ตอนนั้นก็ร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เพราะไม่มีทางออก ก่อนจะชะโงกหน้าออกมาดูน้ำในแม่ชี หลานคนเล็กมาทักว่า คุณย่าเป็นอะไรร้องไห้ทำไมคะ เสียงของหลานเป็นเสียงที่ช่วยดึงสติของตนให้กลับมา ก่อนที่จะมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือ
ตนยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดที่จะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย สิ่งที่กลัวคือ กลัวติดคุก หากตนติดคุกแล้วหลาน ๆ จะอยู่อย่างไร ตอนนี้ที่บ้านมีหลาน 5 คน คนโตไปบวชเป็นเณรอยู่วัด อายุ 15 ปี คนที่สองอายุ 12 ปี คนที่สามอายุ 10 ปี คนที่สี่อายุ 9 ปี และคนที่ 5 อายุ 5 ปี นอกจากนี้ยังมียายใบ้ ซึ่งพิการเป็นใบ้หูหนวก และน้องชายที่ป่วย ที่ตนยังต้องเลี้ยงดู ลำพังได้เงินช่วยเหลือจากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดือนละ 2,000 บาท เงินผู้สูงอายุ 600 บาท และเงินคนพิการของยายใบ้อีก 1,400 บาท รวมเดือนละ 4,000 บาท
คุณยายระบุว่า ตนเองเป็นหมอนวดแผนโบราณ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปนวดเพราะว่า ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นแล้ว เพราะไปผ่าต้อกระจกมาแล้วเกิดติดเชื้อ ทุกวันนี้มียายใบ้และหลานไปขอข้าววัดมากินประทังชีวิตทุกวัน ส่วนเรื่องเรียน หลาน ๆ ก็เรียนฟรี ถึงจะทุกข์จะยากก็อยู่กันได้ตามอัตภาพ
ด้านนางสาวทิพประพาวีณ์ เรือนทอง พนักงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ร่วมกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทราบว่า ย่าทองเสียม มีความกังวลเรื่องคดีความ ที่มีการติดตามทวงถามหนี้สิน ที่ไปค้ำประกันรถจักรยานยนต์ให้กับเพื่อนบ้าน เกรงว่าจะถูกยึดที่ดิน และฟ้องศาล ไม่มีคนเลี้ยงดูหลาน ๆ น้องชายที่ป่วย และยายใบ้ โดยย่าทองเสียม อยากให้เปลี่ยนคนค้ำประกัน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องถูกติดตามทวงถามหนี้อีก หากผู้กู้ไม่ชำระหนี้ที่เหลืออีก 8 งวด เบื้องต้นจะได้ประสานกับยุติธรรมจังหวัดให้ทำหนังสือถึงบริษัทไฟแนนซ์ และตัวผู้กู้ ไปพูดคุยกันว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงสัญญาได้อย่างไร เพราะย่าทองเสียมมีภาระ ไม่มีสถานะเพียงพอในการชำระหนี้
นอกจากนี้จากการพูดคุยกัน ย่าทองเสียมให้หลาน 2 คน อายุ 10 ปี และ 9 ปี เข้ามาอยู่ในความดูแลของรัฐ เพื่อให้เรียนหนังสือต่อ เนื่องจากย่ามีอายุมากแล้วดูแลไม่ไหว ส่วนในอนาคต หากย่าทองเสียม และยายใบ้อายุมากขึ้น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก็จะได้ประสานบ้านพักคนชรามหาสารคาม ให้เข้าพักต่อไป หากต้องการช่วยเหลือย่าทองเสียม สามารถช่วยเหลือได้ที่บัญชี ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี นางสาวทองเสียม แก้วจุมพล เลขที่บัญชี 988-6-39907-4