หนุ่มช็อก! แฟนสาวดับหลังดูดไขมันเสริมหน้าอกคลินิกดัง

วันนี้ (28 ส.ค.63) ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่มีชื่อว่า "Polchana Jankaseam" โพสต์เฟซบุ๊กเล่าเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อแฟนสาวต้องเสียชีวิต หลังไปดูดไขมันที่คลินิกแห่งหนึ่ง และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาแต่อย่างใด 

ผู้โพสต์เล่าว่า "แฟนผมไปทำศัลยกกรมดูดไขมันขา และแขน เอาไขมันมาเติมหน้าอก ที่คลินิกแห่งหนึ่งย่านยานนาวา หลังทำ แฟนมีอาการเจ็บแผล วันแรกไปล้างแผลปกติ แฟมเริ่มมีอาการเจ็บมากขึ้น ทางคลินิกให้นอนพัก 10-15 นาที แล้วให้กลับบ้าน แต่แฟนยังเจ็บอยู่ตลอดเวลา เจ็บจนนอนไม่ได้ อาเจียนหลายครั้ง 

วันที่ 2 ติดต่อคลินิกตั้งแต่เช้า แจ้งว่ามีอาการเจ็บมากขึ้น คลินิกบอกเดี๋ยวช่วงสายๆ หรือบ่ายๆ จะติดต่อกลับแล้วก็เงียบไป พอช่วงบ่ายแฟนยังเจ็บแผลและมีอาการปวดท้อง จึงโทรหาคลินิกอีกครั้ง นัดเข้าไปดูอาการ ไปถึงประมาณเกือบ 1 ทุ่ม ทางคลินิกให้น้ำเกลือและฉีดยาแก้ปวดให้ บอกว่าให้พักผ่อนอีกสักพักก็หาย ผมเลยวางใจออกไปกินข้าว 

หลังจากนั้นแค่ 5 นาที ทางคลินิกโทรมาแจ้งว่า แฟนผมต้องไปโรงพยาบาล ถามว่าเป็นอะไร?  เขาบอกอาการแย่ให้โรงพยาบาลรักษาดีกว่า พอกลับไปถึงคลินิก ปรากฎว่าแฟนถูกส่งไปโรงพยาบาลแล้ว เจอแค่หญิงสูงวัยกำลังเก็บของ ทราบภายหลังว่าเป็นผู้บริหารคลินิค

พอตามมาถึงโรงพยาบาล ได้รับแจ้งว่า แฟนน่าจะติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเชื้อตัวไหน ต้องเจาะเลือดไม่ตรวจอยู่ อยู่โรงพยาบาลแรกตั้งแต่ประมาณทุ่มครึ่ง จนถึงตี 4 ต้องย้ายตัวไปรงพยาบาลที่ 2 ตามสิทธิประกันสังคม 

พอย้ายมาก็เหมือนเริ่มตัวใหม่ เจาะเลือดใหม่ และถูกส่งตัวเข้าห้อง ICU รอ 2-3 วัน ยังไม่ทรบว่าเป็นเชื้อตัวไหน อาการแฟนทรุดลงตลอด ปรึกษากับครอบครัวว่าอยากย้ายไปโรงพยาบาลใหญ่ ที่มีความพร้อมกว่า มีการติดต่อโรงพยาบาลที่ 3 แต่คุณหมอโรงพยาบาลที่ 2 ยืนยันยังว่าไม่ควรย้าย   

หลังจากนั้นแฟนยิ่งอาการทรุดลง จนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ในที่สุดก็ต้องย้ายมารักษาต่อโรงพยาบาลที่ 3 

วันที่ต้องย้ายโรงพยาบาล ได้โทรแจ้งกับคลินิก ถามเขาว่าจะช่วยเหลือยังไง เขาส่งเจ้าหน้าที่มาดู ตามมาด้วยผู้บริหารคนเดิม สอบถามอาการจากทางโรงพยาบาลอ้างว่าจะนำไปแจ้งกับแพทย์เจ้าของเคส แล้วเงียบหายไปเลย จนล่าสุดแฟนเสียชีวิตแล้ว ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา ทั้งยังปิดเพจเฟซบุ๊กไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังขอบคุณ ผู้บริหารบริษัทที่ผมและแฟนทำงานอยู่ พอรู้ว่าแฟนผมป่วยหนัก ผมต้องการย้ายโรงพยาบาล เพื่อการรักษาที่ดีที่สุด ผู้บริหารได้เสนอช่วยค่าใช้จ่ายให้ก่อนทันที ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่า ค่ารักษาประเมินมา 1.5 ล้านบาท ขอบคุณที่ดูแลพนักงานเหมือนคนในครอบครัว"