ทำไมกินหอยนางรม-หอยแครง จึงทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด

จากรณี นุ่น นพลักษณ์ บิวตี้บล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ได้โพสต์เตือนภัยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมทา หลังจากติดเชื้อในกระแสเลือดจากการรับประทานหอยนางรมและหอยแครงดิบ โดยมีอาการไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ท้องเสีย และไอหนักจนจะอาเจียน นุ่นได้แจ้งว่า หมอเตือนว่าช่วงนี้มีการระบาดของเชื้อวิบริโอในหอยดิบ และหากมีอาการไข้สูงควรรีบพบแพทย์ทันที เธอยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับประทานหอยดิบ โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และผู้ตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด
ทำไมการรับประทานหอยจึงทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด
หอย โดยเฉพาะหอยนางรมและหอยแครง มักอาศัยอยู่ในน้ำทะเลหรือแหล่งน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรค เมื่อหอยกรองน้ำเพื่อกินอาหาร เชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสต่าง ๆ เช่น Vibrio vulnificus, Vibrio parahaemolyticus หรือไวรัสตับอักเสบเอ จึงอาจสะสมอยู่ในตัวหอยได้
เมื่อคนกินหอยที่สดหรือปรุงไม่สุกเพียงพอ เชื้อเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางระบบทางเดินอาหารและเข้าสู่กระแสเลือด โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคตับ เบาหวาน หรือผู้สูงอายุ เชื้อจะเจริญเติบโตในกระแสเลือด ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ซึ่งเป็นภาวะรุนแรงที่ส่งผลต่ออวัยวะต่าง ๆ และอาจถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลาดังนั้น การกินหอยสดหรือหอยที่ไม่สุกเต็มที่จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อนในกระแสเลือดได้ง่ายกว่าอาหารประเภทอื่น ๆ ที่ปรุงสุกอย่างเต็ม
ต้นเหตุหลัก: แบคทีเรีย “วิบริโอ” (Vibrio)
หอยนางรมและหอยแครงเป็นสัตว์น้ำที่กรองอาหารจากน้ำทะเล จึงมีโอกาสสะสมเชื้อแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ไว้ในตัว หนึ่งในเชื้อที่พบได้บ่อยคือ Vibrio vulnificus และ Vibrio parahaemolyticus ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ หรือในกรณีที่รุนแรง เชื้อสามารถเข้าสู่กระแสเลือดทำให้เกิด ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia) ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับเรื้อรัง เบาหวาน หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
อาการของการติดเชื้อ
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ Vibrio vulnificus จากการกินหอยดิบอาจเริ่มจากอาการท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้ ตามด้วยไข้ หนาวสั่น และความดันโลหิตต่ำ หากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือดและอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลวอย่างรวดเร็ว อัตราการเสียชีวิตในกรณีรุนแรงอาจสูงถึง 50% ภายใน 48 ชั่วโมงหากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา (CDC, 2022)
หอยแครงก็เสี่ยงเช่นกัน
แม้หอยแครงจะถูกลวกหรือย่างก่อนบริโภค แต่หากไม่สุกเพียงพอ ก็อาจยังมีเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A), โนโรไวรัส (Norovirus) หรือแบคทีเรียวิบริโอหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนหรือในบริเวณที่มีน้ำทะเลปนเปื้อน
ป้องกันได้ด้วยการปรุงสุก
การลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยหลีกเลี่ยงการกินหอยดิบหรือหอยที่ปรุงไม่สุก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้สูงอายุ ผู้มีโรคตับ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หากต้องการรับประทานหอย ควรมั่นใจว่าผ่านการปรุงด้วยความร้อนจนสุกทั่วถึง และเลือกร้านค้าที่มีสุขลักษณะที่ดี
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
