โดนอีก! ทำเนียบขาวโทษ Facebook และ YouTube ฐานเผยแพร่ข้อมูลวัคซีนผิด ๆ
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกาพึ่งออกมาติง Facebook ไปหมาด ๆ ฐานไม่ยอมตรวจตราโพสต์ข่าวปลอมเกี่ยวกับวัคซีนให้ดี ล่าสุดมีรายงานเพิ่มจากสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ทำเนียบขาวมีความเคลื่อนไหวในประเด็นนี้เพิ่ม โดยกล่าวโทษไปถึง YouTube เพิ่มด้วย!
ในตอนนี้รายชื่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่กำลังถูกทำเนียบขาวจับตามองในประเด็นการควบคุมข่าวปลอมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยล่าสุดมีชื่อของ YouTube เพิ่มเข้าไปด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวกล่าวว่าแพลตฟอร์มวิดีโอตัวดังนี้ต้องรับผิดชอบที่บนแพลตฟอร์มของตนเองยังคงมีการแพร่กระจายข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 อยู่ และตัว YouTube เองก็ทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอที่จะหยุดยั้งกระบวนการเหล่านี้
ซึ่งข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เรียก Facebook และบริษัทโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ว่า “ฆาตกร” โทษฐานที่ล้มเหลวในการจัดการกับการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับวัคซีน อันส่งผลให้มีผู้หลงเชื่อข่าวเท็จและกระทบต่อการเลือกยอมรับวัคซีนมากขึ้น ทำให้การต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ และการช่วยชีวิตคนยากขึ้น
โดยเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงคนหนึ่งของทำเนียบขาวได้ออกมากล่าวว่า ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นคือ "การบังคับใช้ที่ไม่สอดคล้องกัน" โดยทั้ง YouTube และ Facebook จะต้องตัดสินใจว่าสิ่งใดบ้างที่เข้าข่ายเป็นข้อมูลที่ผิดบนแพลตฟอร์มของพวกเขา ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีกฎเกณฑ์และระเบียบการต่าง ๆ ออกมารับมือ แต่ดูเหมือนว่าผลที่ได้จะไม่ค่อยเป็นที่พอใจสำหรับทำเนียบขาวเท่าใดนัก โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของทำเนียบขาวกล่าวว่า Facebook และ YouTube "คือผู้ตัดสิน คณะลูกขุน และผู้ประหารชีวิต" เมื่อเราพิจารณาว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นจากการที่ผู้ใช้งานเสพข่าวเหล่านี้บนแพลตฟอร์มของพวกเขา และยังกล่าวอีกว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ถึงแม้จะมีนโยบายหรือแนวทางของพวกเขาในการจัดการกับการให้ข้อมูลเท็จ แต่ก็เหมือนกับการสั่งการบ้าน และให้คะแนนการบ้านด้วยตนเอง ไม่ได้ทำให้รู้สึกเชื่อถือได้แต่อย่างใด
โดยข้อมูลหลัก ๆ เที่ถูกบิดเบือนเกี่ยวกับวัคซีน ที่ฝ่ายบริหารของไบเดนกำลังเร่งแก้ไขโดยเร็ว ได้แก การกล่าวอ้างว่าวัคซีนโควิด-19 นั้นไม่ได้ผล การกล่าวอ้างเท็จว่าในวัคซีนมีไมโครชิป และวัคซีนทำร้ายภาวะเจริญพันธุ์ของสตรี ซึ่งข้อมูลจากรายงานล่าสุดจากศูนย์การต่อต้านความเกลียดชังทางออนไลน์ Center for Countering Digital Hate (CCDH) ได้ออกมาแสดงว่า มีบัญชีที่ต่อต้านการฉีดวัคซีนจำนวน 12 บัญชี ที่แพร่ข้อมูลเท็จกระจายไปได้เกือบ 2 ใน 3 ของข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับวัคซีนทางออนไลน์ทั้งหมด โดยมี ุ6 บัญชีในนั้นที่ยังคงโพสต์เนื้อหาบน YouTube ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่าพวกเขาต้องการให้แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำหน้าที่ให้ดีขึ้นในการจำกัดการแพร่กระจายข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจากบัญชีเหล่านั้น
ซึ่งเหตุผลว่าทำไมทำเนียบขาวและฝ่ายบริหารของไบเดนต้องออกมาต่อสู้กับข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับวัคซีน อาจจะเนื่องมาจากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ได้มีอัตราการฉีดวัคซีนที่ชะลอตัวลงเป็นอย่างมากเพราะผู้คนในหลายพื้นที่ของประเทศไม่เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีนนั่นเอง
สำหรับ YouTube นั้นก็ได้มีการออกมาตอบโต้ในกรณีดังกล่าวแล้ว โดยโฆษกของ YouTube กล่าวว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลบวิดีโอกว่า 900,000 รายการที่มีข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับ COVID-19 และยุติช่อง YouTube ของบุคคลที่ระบุในรายงาน CCDH แล้ว โดยเธอกล่าวว่านโยบายของบริษัทนั้น "ยึดตามเนื้อหาของวิดีโอ ไม่ใช่ผู้พูด"
ส่วนทาง Facebook นั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารระดับสูงของทำเนียบขาวได้ออกมากล่าวถึงการเรียกข้อมูลใน 4 ประเด็น ที่ฝ่ายบริหารได้ขอให้ Facebook ให้ข้อมูล แต่บริษัทก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้แก่จำนวนข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับวัคซีนบนแพลตฟอร์ม, ใครบ้างที่จะเห็นการอ้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง, บริษัทจะดำเนินการอย่างไรเพื่อเข้าถึงพวกเขาเหล่านั้น และ Facebook จะรู้ได้อย่างไรว่าขั้นตอนต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่นั้นได้ผล ซึ่งเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวกล่าวว่าคำตอบที่ Facebook ให้มานั้นยัง "ดีไม่พอ"
อย่างไรก็ตามโฆษกของ Facebook ก็ได้ออกมาแถลงการณ์แล้วว่าบริษัทได้ทำการลบข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับ COVID-19 ไปแล้วกว่า 18 ล้านชิ้นตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดใหญ่ และยังเคลมว่าผู้ที่ใช้แพลตฟอร์ม Facebook ในสหรัฐอเมริกามีความลังเลในวัคซีนลดลง 50% ตั้งแต่เดือนมกราคม และอาจจะส่งผลให้ยอดการรับวัคซีนมีจำนวนที่สูงขึ้น
โดยเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว Facebook ได้ออกมาโพสต์ขั้นตอนที่ดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้ผู้ใช้ฉีดวัคซีนบนบล็อกโพสต์ แต่เจ้าหน้าที่บริหารกล่าวว่าบล็ิอกโพสต์นั้น ๆ ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ นำมาซึ่งความกังวลให้ทีมฝ่ายบริหารของไบเดน ซึ่งไม่แน่ใจว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้กำลังโกหกเรื่องการจัดการกับข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีน หรืออีกประการคือพวกเขาไม่จริงจังกับมันกันแน่
ขอบคุณข้อมูลจาก