ทรัมป์ชมมาตรการภาษีในที่ประชุมครม.โทษไบเดนทำเศรษฐกิจหดตัว

เมื่อวานนี้ (30 เมษายน) ทรัมป์ ชื่นชมมาตรการภาษีศุลกากรและภาคธุรกิจ ซึ่งเขาบอกว่ากำลังลงทุนภายในประเทศ ระหว่างร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี โดยการประชุมครม.ทรัมป์ มีขึ้นหลังจากมีรายงานชิ้นใหม่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯหดตัวร้อยละ 0.3 ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ ขณะที่บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้านำเข้าก่อนที่มาตรการภาษีของทรัมป์จะมีผลบังคับใช้ นับเป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจหดตัวตั้งแต่ปี 2565
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังตำหนิอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ด้วย โดยบอกว่า “ตัวเลขที่ย่ำแย่” บนวอลล์สตรีท “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีศุลกากร”
ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ตอบโต้รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ที่ว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีการอ้างคำพูดของโฆษกหญิงแห่งทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ ซึ่งกล่าวในลักษณะเดียวกับทรัมป์เมื่อไม่นานนี้ พยายามจะโยนความผิดให้กับอดีตประธานาธิบดีไบเดนว่าเป็นผู้ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี (GDP) ตกต่ำ
แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า มวลรวมการลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการส่งออกของสหรัฐฯ นอกจากนี้ การจ้างงานภาคเอกชน, การใช้จ่ายของผู้บริโภค การลงทุนด้านเงินทุน และชั่วโมงทำงานรวม ล้วนเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง”
ด้านแอนดรูว์ เบตส์ โฆษกของโจ ไบเดน ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาซ้ำ ๆ ของทรัมป์ที่มีต่ออดีตประธานาธิบดีไบเดน โดยเบตส์กล่าวว่า ไบเดนทำให้ทรัมป์มี "เศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก" แต่ขณะนี้ "กำลังตกต่ำลงสู่ภาวะสงครามการค้า"
เขากล่าวต่อว่า ทรัมป์เป็น "ประธานาธิบดีคนเดียวที่ส่งผลให้เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น ตกต่ำลงอย่างรวดเร็วภายใน 100 วัน และเป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่ทำให้คาสิโนแห่งหนึ่งล้มละลาย และบอกด้วยว่า ทรัมป์อาจจะล้มละลายเช่นกัน หากเขาไม่ได้ "รีดไถผู้สนับสนุนที่ร่ำรวยเพื่อให้ได้รับการยกเว้นภาษี"