อย.อุบชื่อดารา เอี่ยวโฆษณาสรรพคุณ "ถั่งเช่า" เกินจริง

วันนี้ (30 ม.ค.64) เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือ กล่าวถึงการดำเนินคดีกับเจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีถังเช่าเป็นส่วนผสม ที่มีดารา นักร้อง เป็นเจ้าของและพรีเซ็นเตอร์ ว่า อย.ได้อนุญาตให้มีการผสมถังเช่าในผลิตภัณฑ์ 2 ชนิดคือ "ยาแผนโบราณ" และ "อาหาร" ซึ่งมีปริมาณที่กำหนด

แต่ประการสำคัญคือ "ห้ามไม่ให้มีการโฆษณาไปในเชิงของการรักษาโรค" ซึ่งจะเข้าข่ายเป็นการโฆษณาเกินจริง ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผสมถังเช่าอยู่มาก แต่มีเพียงไม่กี่รายที่มีการโฆษณาเกินจริง โอ้อวดสรรพคุณรักษาโรคทำให้คนเข้าใจว่าถังเช่าเป็นยาวิเศษ

แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องหรือต้องถูกดำเนินคดีกี่ราย และเป็นใครบ้าง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องดูทั้งองค์รวมของการโฆษณานั้น ขณะนี้ทางอย.ได้ส่งเรื่องทั้งหมดไปให้ตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคหรือ ปคบ.

ด้าน เภสัชกรหญิง ดวงแก้ว ปัญญาภู เภสัชกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการและคลังความรู้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความนิยมของประชาชนที่หันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สารสกัดจากถั่งเช่า ว่าแม้จะเป็นสมุนไพร ซึ่งมีสรรพคุณต้นตำรับและใช้ในทางการแพทย์แผนจีนมาช้านาน รวมถึงกลายมาเป็นแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมในไทย แต่การจะใช้ถั่งเช่าต้องสั่งจายโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

เพราะในจีนเองก็ควบคุมเข้มงวด ตัดถั่งเช่าออกจากบัญชียาและอาหารแล้ว รวมถึงหากใครต้องการใช้ถั่งเช่า แพทย์แผนจีนจะตรวจเช็คร่ายกาย ประเมินแบบคนต่อคน สกัดสารออกมาสั่งจ่ายให้ไม่เหมือนกัน เพราะความต้องการและการตอบสนองของร่างกายกับถั่งเช่าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ที่สำคัญมีผลต่ออาการของโรคที่รับการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน เช่น หากใครเป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ถั่งเช่าร่วมด้วย ป้องกันความเสี่ยงอันตรายของผลที่จะตามมา

แม้ทาง อย.จะออกมาเอาผิดกับกลุ่มผู้ผลิต/จำหน่าย/นำเข้าผลิตภัณฑ์สารสกัดจากถั่งเช่า ที่อวดอ้างโฆษณาเกินจริง แต่ตามเว็ปไซต์ต่างๆ ยังคงโพสต์สรรพคุณขายถั่งเช่ากันอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งที่ความจริงประเทศไทยยังไม่รับรองว่าถั่งเช่าสามารถรักษาโรคได้ มีสรรพคุณเพื่อบำรุงร่างกาย

และทุกครั้งก่อนที่ผลิตภัณฑ์สกัดจากถั่งเช่าจะได้รับอนุญาตจาก อย.ต้องผ่านการตรวจสอบสารสกัดและส่วนผสมก่อนว่ามีมากน้อยแค่ไหน สามารถโฆษณาได้แค่ไหน ในสรรพคุณอะไร บางบริษัทก็ไม่ได้ใส่ถั่งเช่าเป็นส่วนผสมหลัก ดังนั้นผู้ที่ซื้อไปทานแล้วอาการปวดเมื่อยหาย ต้องไปดูด้วยว่าหายจากสมุนไพรตัวอื่นที่ผสมลงในผลิตภัณฑ์ถั่งเช่ายี่ห้อนั้นหรือไม่ และหากใครต้องการใช้ถั่งเช่าควบคู่ไปกับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงที่อันตราย