รีเซต

ORธุรกิจน้ำมันQ4นิวไฮ เดินหน้าบัดเจ็ทโฮเทล

ORธุรกิจน้ำมันQ4นิวไฮ เดินหน้าบัดเจ็ทโฮเทล
ทันหุ้น
24 พฤศจิกายน 2568 ( 08:30 )

#OR #ทันหุ้น - OR คาดไตรมาส 4/2568 ผลงานบวกมาตรการรัฐหนุน – ราคาน้ำมันดิบแกว่งตัว  60-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  เชื่อไกลความเสี่ยงขาดทุนสต๊อก แย้มก่อนสิ้นปี ประกาศพันธมิตรร่วมรุกโรงแรมราคาประหยัด (บัดเจ็ทโฮเทล) เริ่มสร้างก่อนกลางปี 2569  เผยมีกระแสเงินสด  3.5 หมื่นล้านบาท  พร้อมขยายการลงทุนในปีหน้า

นางสาววิไลวรรณ  กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 4/2568 ภาพรวมธุรกิจในกลุ่มยังเป็นไปตามแผนงาน โดยเฉพาะธุรกิจหลักคือการจำหน่ายน้ำมันในสถานีบริการจะสนับสนุนให้ไตรมาสสุดท้ายยังคงเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีต่อไป ภายใต้พร้อมคาดหวังทำอัตรากำไรเพิ่มขึ้นหรือใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2568 ได้ 

โดยการดำเนินงานทั้งในส่วนของ Mobility ซึ่งเป็นรายได้หลักสัดส่วน 88.6% สร้างกำไร EBITDA สัดส่วน 60% และ Lifestyle เป็นรายได้สัดส่วน 3.6% สร้างกำไร EBITDA สัดส่วนมากถึง 33.8% และนโยบายของ OR ยังมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจ Mobility และ Lifestyle ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

@ตุนเงินสด 3.5 หมื่นลบ.

อย่างไรก็ตามในแง่ตัวเลขการลงทุนที่ชัดเจนในปี  2569 งบลงทุนและเป้าหมายการเติบโตยังอยู่ในระหว่างรอการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดรวมกว่า 35,000 ล้านบาทที่พร้อมแบ่งจัดสรรเพื่อการลงทุนตามความเหมาะสม เช่น การขยายสาขากลุ่มธุรกิจเดิม การปรับปรุงร้านสาขาและสถานีบริการต่างๆ รวมถึงการสร้างโอกาสความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ที่อยู่ระหว่างเจรจา

ทั้งนี้ก่อนสิ้นปี 2568 บริษัทจะประกาศความร่วมมือกับพันธมิตร 1 ราย เพื่อนำไปสู่การดำเนินธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) และคาดภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2569 จะเริ่มก่อสร้างโรงแรมในพื้นที่เหมาะสมที่บริษัทได้เลือกไว้แล้ว

ส่วนธุรกิจบริการซักผ้าแบรนด์ Otteri Wash & Dry ยอมรับว่าเผชิญความท้าทายจากคู่แข่งรายใหม่ที่สามารถเข้ามาในตลาดได้ง่าย จึงทำให้การเติบโตเชิงรายได้เฉพาะในประเทศไทยยังอยู่ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ทว่าบริษัทได้ทดลองนำโมเดลเดียวกันนี้ไปให้บริการซักผ้าที่ประเทศกัมพูชาซึ่งผลปรากฏการเติบโตสูงอย่างชัดเจน ปัจจุบันเปิดแล้วกว่า 10 สาขา และจะมีการเพิ่มสาขาให้มากขึ้นต่อไป

@ขอเปลี่ยนแบรนด์

นอกจากนี้สถานการณ์ในกัมพูชา แบรนด์สินค้าไทยจำนวนมากยอดขายลดลงจากผลกระทบจากความขัดแย้ง จึงมีสถานีบริการน้ำมัน PTT ประมาณ 50 ปั๊มสาขา ติดต่อขอเปลี่ยนจากใช้แบรนด์ไทยไปเป็นแบรนด์ท้องถิ่น พร้อมกันนี้คาดหวังว่าสถานการณ์ในกัมพูชาจะกลับมาปกติและยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า

นางสาวปิติรัตน์  รัตนโชติ  ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ OR ว่า ประเมินแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2568 จะดีจากในประเทศมีมาตรการส่งเสริมการใช้จ่าย เช่น "เที่ยวมีคืน" และ "คนละครึ่งพลัส" ซึ่งช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและเป็นผลดีต่อธุรกิจของ OR ทางอ้อม ขณะที่ในต่างประเทศทิศทางธุรกิจโดยรวมก็ดีเช่นกัน ทั้งฟิลิปปินส์ และสปป.ลาว เว้นเพียงกัมพูชาที่ยังมีสถานการณ์เชิงลบ         

@ราคาน้ำมัน

 ขณะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกที่คาดอยู่ในกรอบอยู่ในช่วง 66-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และทั้งปีน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70  ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นกรอบไม่กว้างนัก จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะไม่เกิดขาดทุนสต๊อกที่มากอย่างมีนัยต่อกำไรรวม

ส่วนภาพอนาคตยอมรับปริมาณขายน้ำมันในระดับตลาดค้าปลีกเริ่มมีสัญญาณหดตัวทั้งจากความนิยมใช้รถไฟฟ้า (EV) มากขึ้น แต่ในส่วนของ OR นั้นปรับตัวลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยตลาด ล่าสุด OR มีส่วนแบ่งทางการตลาดค้าปลีกน้ำมันปรับขึ้นมาที่ระดับ 39.7%  ในขณะเดียวกันบริษัทก็ยังคงการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับ EV เนื่อง แม้เฉพาะหน่วยธุรกิจยังติดลบแง่ผลประกอบการ แต่ก็ค่อยๆ ลดลง

@กาแฟกับอิงค์

และส่วนของธุรกิจร้านจำหน่ายกาแฟ Café Amazon หลังจากมีนางสาววรันธร เปานิล หรืออิงค์ มารับพรีเซ็นเตอร์ ภาพรวมยอดขายก็ดีขึ้นราว 1-2% เนื่องจากได้ช่วยกระตุ้นการรับรู้ในส่วนของ Premium Product ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มี อัตรากำไรสูงกว่าปกติ  และบริษัทคาดหวังให้ผลิตภัณฑ์พรีเมียมเติบโต 50% ปัจจุบันจำนวนสาขาของ  Café Amazon ทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 4,400 สาขา ปัจจุบันบริษัทตั้งเป้าการขยายสาขาไว้ที่ 285 สาขา

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง