กรมการค้าภายใน อ้อนห้างค้าปลีก ตรึงราคาสินค้าช่วงสงกรานต์ สั่งเพิ่มสต็อกรับความต้องการเพิ่มขึ้น10%

นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้ กรมฯ ติดตามดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ เบื้องต้นกรมฯได้เชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกและค้าส่ง และร้านสะดวกซื้อมาหารือ โดยขอความร่วมมือห้ามปรับขึ้นราคาสินค้า

และให้เพิ่มสต็อกสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล ซึ่งปัจจุบันพบว่าปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเพิ่มขึ้น 5-10 % เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ซึ่งทางห้างฯยินดีให้ความร่วมมือ และเตรียมจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าอีกด้วย รวมทั้งขอให้เซเว่น-อีเลฟเว่น เตรียมอาหารอาหารปรุงสำเร็จให้เพียงพอรองรับประชาชนที่เดินทาง นอกจากนี้ ยังให้เจ้าหน้าที่และพาณิชย์จังหวัด ออกตรวจสอบติดตามราคาสินค้า และปริมาณ เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบด้านราคา และมีเพียงพอกับความต้องการของประชาชน

นายวัฒนศักดิ์กล่าวว่าขณะนี้ กำลังประสานไปยังการเคหะแห่งชาติ และ กรุงเทพมหานคร เพื่อขอพื้นที่ในการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าธงฟ้าถาวรเพิ่มเติมอีก 20 จุด จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการแล้ว 50 จุด รวมเป็น 70 จุด ส่วนรถโมบายธงฟ้าจำนวน 50 คัน จะดำเนินการต่อจนกว่าสถานการณ์ราคาสินค้าจะคลี่คลาย เนื่องจากเข้าถึงแหล่งชุมชน และช่วยลดต้นทุนการเดินทางให้กับประชาชน และยังสามารถสร้างสมดุลราคาจำหน่ายสินค้ากับร้านค้าในพื้นที่เดิมด้วย

สำหรับภาวะราคาสินค้าในปัจจุบันนั้นภาพรวมยังทรงตัวมีปรับขึ้นบ้างบางรายการ เช่น น้ำมันปาล์มราคาเฉลี่ยอยู่ที่ ขวดละ 63.59 เนื่องจากน้ำมันปาล์มตลาดโลกราคาสูงขึ้น รวมทั้งผลปาล์มดิบในประเทศราคาขัยบสูงขึ้นไปอยู่ที่ 9.50-10.50บาท/ก.ก. ส่วนน้ำมันปาล์มดิบ ราคาอยู่ที่ 54-54.50 บาท/ก.ก. คาดว่าผลผลิตปาล์มฤดูใหม่จะทยอยออกช่วงเดือน มี.ค. 7 ล้านตัน เดือน เม.ย. 1.9-2 ล้านตัน เชื่อว่าจะทำให้ราคาน้ำมันปาล์มผ่อนคลายลง

ส่วนการปรับราคาปุ๋ยเคมีนั้นขณะนี้มีผู้ประกอบการ 2 รายยื่นขอปรับราคา แต่ยังไม่ได้มีการอนุมัติให้ปรับราคา อยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุน ซึ่งกรมฯ ได้ขอให้ผู้ประกอบการเร่งนำเข้าปุ๋ยเพื่อให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการใช้ในช่วงครึ่งปีหลังด้วย ส่วนช่วงครั้งปีแรก ผู้ประกอบการบืนบันว่ามีปริมาณเพียงพอกับภาคการเกษตร

สำหรับห้างฯที่เชิญมาขอความร่วมมือในครั้งนี้ประกอบด้วย สยามแม็คโคร ,บิ๊กซี ,โลตัส, ท็อปซูปเปอร์มาเก็ต ,เซเว่น อีเลฟเว่น ,ลอว์สัน ม เอ็กซ์เพรส ,ฟู้ดแลนด์ และ เพาเวอร์บาย