จับตาโควิดระบาดรอบ2เขย่าตลาดหุ้นไทย
กลับมาเขย่าขวัญนักลงทุนในตลาดทุนอีกครั้งจากการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ที่กระจายตัวขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น ทำให้หลายโบรกต้องออกโรงเตือนลูกค้าให้ปรับพอร์ตกันเป็นทิวแถว ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบส่งท้ายปี
โดยบล.ไทยพาณิชย์ประเมินว่าการระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ กระทบต่อพื้นฐานตลาดหุ้นไทยไม่รุนแรงเท่ากับรอบแรก ทางกลับกัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นลดความคาดหวังและความร้อนแรงลงบ้าง หล้งจากที่ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจะยังพันผวนแรงจนกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะชะลอตัว ประเมิน downsideของ SET Index บริเวณ 1,350-1,400 จุด โดยยืนยันเป้าหมาย SET ปีหน้าที่ 1,450-1,500 จุด
ส่วนผลกระทบต่อธุรกิจบริการคาดว่าจะต่ำกว่ารอบแรก โดยมีมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้ 1.กรณีฐานหากระบาดจำกัดที่สมุทรสคร ภายใน 1 เดือน คาด GPP ลดลงราว 4.7 พันล้านบาท หรือ 0.03% ของ GDP ซึ่งกรณีนี้ รัฐจะช่วยสนับสนุนผู้ถูกเลิกจ้างชั่วคราวตามโครงการประกันสังคมด้วยวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท
2. กรณีปานกลาง หากระบาดไป 8 จังหวัดกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งสมุทรสาคร จนปิดกิจกรรมเศรษฐกิจ 1 เดือน คาด GPP 9 จังหวัดลดลงราว 2.5 หมื่นล้านบาท หรือ 0.15% ของ GDPแต่เชื่อว่ารัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 7.5 หมื่นล้านบาท
3.กรณีเลวร้าย หากแพร่ระบาดไป 8 จัหวัดลุ่มเสี่ยง สมุทรสาคร และกทม. จนปิดกิจกรรมเศรษฐกิจ 1 เดือนคาด GDP 10 จังหวัดลดลง 8.8 หมื่นล้านบาท หรือ 0.53% ของ GDP ซึ่งหากรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2 แสนล้านบาท จะช่วยพยุงเศรษฐไทยให้ขยายตัวในระดับที่คาดการณ์เดินที่ 3.1% ในปี 64
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) มองว่า ตั้งแต่เกิดโควิดรอบแรกในช่วงมี.ค.จนถึงวันนี้ ดัชนีขึ้นมา 230 จุด หรือ 19.3% จาก 1,189 จุด ขึ้นมาอยู่ที่ 1,419 จุด หรือ 230 จุด โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบกลุ่มเกษตร-อาหาร แม้จะไม่ได้การสั่งปิดโรงงาน แต่ฝ่ายวิจัยประเมินผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ในจ. สมุทรสาครได้ดังนี้
1. หากคนงานมีการติดเชื้อ COVID-19 จำนวนมาก อาจกระทบต่อกำลังการผลิตของโรงงานได้
2. ต้องติดตามด้านความเชื่อมั่นของลูกค้าว่าสินค้าที่ออกจากโรงงานในพื้นที่จ. สมุทรสาคร จะได้รับผลกระทบหรือไม่ โดยบริษัทที่มีโรงงานและสัดส่วนรายได้ในจ.สมุทรสาครค่อนข้างมาก ได้แก่ ASIAN (ฝ่ายวิจัยไม่ได้ศึกษา ในเบื้องต้นคาดมีโรงงานอาหารสัตว์เลี้ยง ทูน่ากระป๋องและอื่นๆ คาดมีรายได้จากโรงงานในจ. สมุทรสาครมากกว่า 50% ของรายได้รวม) และ TU (มีโรงงานแปรรูปกุ้งและทูน่ากระป๋อง คาดมีรายได้จากโรงงานในจ. สมุทรสาครราว 30-40% ของรายได้รวม)
ขณะที่ CPF (FV@B42) มีโรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำที่จ. สมุทรสาคร ซึ่งใช้คนงานน้อย มีสัดส่วนรายได้จากโรงงานดังกล่าวไม่ถึง 1% ของรายได้รวม จึงคาดได้รับผลกระทบจำกัด กลุ่มเช่าซื้อ SAWAD และ MTC มีสาขาอยู่ในจ. สมุทรสาคร ในเบื้องต้นคาดราว 2% ของจำนวนสาขาทั้งหมด กลุ่มร้านอาหาร ที่ฝ่ายวิจัย Coverage ได้แก่ M (FV@B61)
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามถึงการควบคุมการระบาด COVID-19 ในไทย ว่าใช้ระยะเวลาเท่าใดและจำกัดพื้นที่การระบาดได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งอาจนำไปสู่การออกข้อจำกัดการห้ามรับประทานอาหารในร้านในจังหวัดอื่นหรือไม่ ประกอบกับบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มหลีกเลี่ยสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก องค์ประกอบรวมเป็น Sentiment ลบต่อราคาหุ้น รวมถึงUpside เหลือราว 9%
ทั้งนี้ในช่วงสั้นแนะหลีกเลี่ยงลงทุน หรือ SWITCH ไป TVO(FV@B37) ที่แนวโน้มกำไรปกติไต่ระดับขึ้นถึง 1Q64 ปัจจัยหนุนจากราคากากถั่วเหลือง (Soybean Meal)ตลาดโลกเฉลี่ย 4Q63 ปรับเพิ่มขึ้นราว 27% และเมล็ดถั่วเหลือง (Soybean) ปรับเพิ่มขึ้นราว 20%
ขณะที่นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย จำกัด มองว่า หล้งจากล็อกดาวน์สมุทรสาคร ต้องรอประเมินสถานการณ์การระบาดว่าจะขยายวงกว้างจนนำมาสู่การ lockdown ในพื้นที่อื่นๆหรือไม่ มองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมกลุ่ม Vaccine play ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวชั่วคราว เพราะคาดว่ากำไรของบริษัทเหล่านี้จะฟื้นตัวแข็งแกร่งในปีหน้า หลังมีการกระจายวัคซีนในช่วง 2Q21
สำหรับบริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้แก่ โรงงานที่อยู่ในพื้นที่ (TU, ASIAN, CPF)เบื้องต้นมองว่าได้รับผลกระทบ เพราะอาจเดินสายการผลิตได้ไม่เต็มที่ เพราะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในพนักงาน แต่มองผลกระทบจำกัด เนื่องจากยังผลิตและส่งออกได้ตามปกติ นอกจากนี้คาดว่าบริษัทส่วนใหญ่ได้มีการเตรียมสต๊อกไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวแล้ว ความเสี่ยงคือการระบาดภายในโรงงานในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ต้องมีการปิดโรงงานเป็นการชั่วคราว
ห้างสรรพสินค้า (CPN) ร้านค้าปลีกในพื้นที่ (CRC, GLOBAL, DOHOME, HMPRO, BJC, CPALL) และร้านอาหาร (ZEN, M, AU) มองกระทบไม่มากหากปิดเฉพาะในพื้นที่สมุทรสาคร แต่หากการระบาดขยายวงกว้างมาถึง กทม. คาดรัฐบาลอาจมีการออกมาตรการเคอร์ฟิว กระทบเวลาเปิด-ปิดห้าง ขณะที่คาดว่าคนจะหลีกเลี่ยงการเข้าไปเดินในที่มีคนมาก และเน้นมาสั่งสินค้าออนไลน์มากขึ้น
โรงพยาบาลในพื้นที่ (EKH, M-CHAI) มอง EKH ได้รับผลกระทบมากกว่า M-CHAI ที่เน้นลูกค้าประกันสังคม โรงภาพยนต์ (MAJOR) และศูนย์แสดงสินค้า (IMPACT) คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการที่คนหลีกเลี่ยงการเข้าไปในบริเวณที่มีคนจำนวนมาก กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (STEC, CK, SEAFCO, PYLON) เพราะอาจมีการกักไม่ให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในเขต กทม.
รถไฟฟ้า (BEM, BTS, BTSGIF) เพราะนักเรียนหยุดเรียน และคนทำงานที่บ้านมากขึ้น กลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบทางอ้อมได้แก่ กลุ่มธนาคาร, ขนส่ง, ท่องเที่ยว, และร้านค้าปลีกอื่นๆ ส่วนบริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากเหตุการณ์การระบาดของโควิดรอบใหม่ในไทยได้แก่ ห้องเย็น (JWD) เพราะความต้องการห้องเย็นเพื่อเก็บสินค้าเพิ่มขึ้น Packaging (AJ, PTL) เพราะความต้องการบรรจุภัณฑ์เพิ่มจากการสั่งของออนไลน์มากขึ้น ร้านค้าที่ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (COM7, SYNEX) จากการทำงานที่บ้านมากขึ้น
กลุ่มโลจิสติกส์ในประเทศ (KEX) เพราะความต้องการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น ประกันชีวิต (TQM) เพราะคนต้องการซื้อประกันโควิดเพิ่ม ถุงมือยาง (STGT, STA) เพราะความต้องการเพิ่ม เกมส์ออนไลน์ (AS) เพราะคนทำงานที่บ้าน มีความต้องการเล่นเกมส์ออนไลน์มากขึ้น กลุ่มที่คาดว่าได้รับผลบวกทางอ้อมได้แก่ กลุ่ม AMC
จากการแพร่ระบาดโควิดในระลอกใหม่นี้นักลงทุนต้องจับตาดูสถานการณ์กันต่อไปว่าจะมีการล็อกดาวน์เพิ่มอีกมากน้อยแค่ไหน ถ้าเลวร้ายปิดทั้งประเทศเหมือนต้นปีจากที่ฟื้นตัวก็กลับลงไปได้อีกครั้ง
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE