เปิดให้เข้าชมสมบัติชาติ "ครอบพระเศียรทองคำ" 22 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป
วันนี้ (19 มิ.ย.65) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า กรมศิลปากร เตรียมเปิดให้ประชาชนเข้าชม “ครอบพระเศียรทองคำ” สมบัติชาติที่ได้รับคืนจากสหรัฐอเมริกา โดยจัดแสดงที่ห้องประวัติศาสตร์โบราณคดีล้านนา อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่ 22 มิ.ย.2565 เป็นต้นไป
ด้าน นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากรเปิดให้ประชาชนเข้าชมโบราณวัตถุที่ได้รับมอบจากสหรัฐอเมริกาและผู้บริจาคชาวไทย ซึ่งโบราณวัตถุดังกล่าว ได้แก่ ครอบพระเศียรทองคำสมัยล้านนา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 ที่ได้รับมอบจากครอบครัวชาวอเมริกัน จะจัดแสดงที่ห้องประวัติศาสตร์โบราณคดีล้านนา อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์
และอีกรายการ เครื่องปั้นดินเผาสมัยลพบุรีจากแหล่งเตาจังหวัดบุรีรัมย์ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 - 19 ที่รับมอบจากนายโยธิน และนางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ จัดแสดงที่ห้องประวัติศาสตร์โบราณคดีสมัยลพบุรี อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
สำหรับเครื่องปั้นดินเผาที่นำมาจัดแสดง จำนวน 164 รายการ ที่ได้รับมอบใหม่ในครั้งนี้ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าชมและศึกษาหาความรู้ตามเจตนารมณ์ของผู้มอบ และให้คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ได้ภาคภูมิใจในความสามารถของคนไทยในอดีตที่เป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องปั้นดินเผาคุณภาพดีมาแต่โบราณ อีกทั้งยังเป็นสินค้าส่งออกไปยังราชสำนักเมืองพระนคร และเมืองอื่นภายในอาณาจักรเขมรโบราณ
อย่างไรก็ดี เมื่อปี พ.ศ. 2530 กรมศิลปากรได้ดำเนินการศึกษาขุดค้นเตาเผาโบราณ ซึ่งพบเป็นจำนวนมากในอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ต่อมาได้สร้างอาคารคลุมกลุ่มเตาเผา พร้อมจัดแสดงเป็นศูนย์ข้อมูลสำหรับผู้สนใจเข้าชม 2 แห่ง
ประกอบด้วย ศูนย์ข้อมูลแหล่งเตาเผาโบราณบ้านสวาย และศูนย์ข้อมูลแหล่งเตาโบราณนายเจียน จึงขอแนะนำให้ผู้ที่ได้เข้าชมการจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาสมัยลพบุรีจากแหล่งเตาจังหวัดบุรีรัมย์ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และมีโอกาสเดินทางไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ เข้าเยี่ยมชมแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผากลุ่มนี้ เป็นการเติมเต็มเรื่องราวของเครื่องปั้นดินเผาสมัยลพบุรีที่ได้รับมอบในครั้งนี้ด้วย
สำหรับ "ครอบพระเศียรทองคำ" มูลค่า 1 ล้านบาท กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แทนรับมอบจากชาวอเมริกัน ครอบพระเศียรทองคำนี้ มีเนื้อทองคำ 95% ใช้เป็นเครื่องประดับพระเศียรพระพุทธรูป
ประกอบด้วย ส่วนครอบพระเศียรกว้าง 14 เซนติเมตร ยาว 17.6 เซนติเมตร น้ำหนัก 12.7 กรัม และส่วนพระรัศมีสูง 12.7 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เซนติเมตร น้ำหนัก 28.9 กรัม เทคนิคดุนทองและตีทอง เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นโบราณวัตถุศิลปะล้านนา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยนิยมใช้ประดับพระเศียรพระพุทธรูปแกะสลักจากหิน และนำส่งมอบให้กรมศิลปากรเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
ข้อมูลและภาพจาก รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล