"SCB" ปฏิเสธข่าวปล่อยกู้พม่าซื้ออาวุธ ,ปิดแอป Robinhood มุมมองโบรกฯ
#ทันหุ้น - บล.แลนด์ แอน เฮ้าส์ ระบุ เมื่อวานนี้ยังมีข่าวเกี่ยวกับธนาคารไทยปล่อยกู้พม่าซื้ออาวุธ ล่าสุด SCB ออกมาชี้แจงว่า ปัจจุบันธนาคารให้บริการธุรกรรมระหว่างประเทศ เพื่อสนับสนุนลูกค้าไทยที่ต้องการชำระค่าสินค้าและบริการไปยังประเทศเมียนมา และจากการตรวจสอบภายในพบว่าจำนวนธุรกรรมของลูกค้าองค์กรยังเป็นปกติไม่ได้เกี่ยวกับการค้าอาวุธตามที่ตกเป็นข่าวแต่อยางใด และยืนยันแนวทางดำเนินตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงินอย่างเคร่งครัดและเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ด้วยความโปร่งใส
เพิ่มเติมประเด็น SCB ยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (“PPV”) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มที่บริษัทถือหุ้น 100% โดยจะทำการยุติการให้บริการตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.67 เป็นต้นไป นั้น
ได้สอบถามเพิ่มเติมทางฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ SCB ทราบว่าเงินลงทุนเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 ราว 8 พันกว่าล้านบาท โดยที่ผ่านมา 4 ปี ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ขาดทุนมาตลอด ปี 63 ขาดทุน 87.8 ลบ. ปี 64 ขาดทุน 1,335.4 ลบ.ปี 65 ขาดทุน 1,986.8 ลบ. ปี 66 ขาดทุน 2,155.7 ลบ. รวม 4 ปีที่ผ่านมา ขาดทุนสะสมกว่า 5,565.8 ลบ. ซึ่งรับรู้ขาดทุนเข้าไปทุกปี ทำให้คาดว่าจะเหลือเงินลงทุนราว 2.5-3 พันลบ.ซึ่งอาจจะต้องบันทึกด้อยค่าในปีนี้ หากปิดกิจการโดยไม่ทำอะไรเลย
อย่างไรก็ดี ทาง SCB ยังศึกษาดูก่อนว่า จะทำอะไรต่อกับบริษัทนี้หรือไม่ ซึ่งอาจทำให้บันทึกค่าใช้จ่ายด้อยค่าเงินลงทุนลดลง และการบันทึกค่าใช้จ่าย one off จะลงทั้งหมดใน Q3/67 หรือบางส่วนลงใน Q4/67 คงจะได้คำตอบชัดเจนหลังการประชุม analyst meeting หลังผลประกอบการ Q2/67 ออก ราวปลายเดือนก.ค.นี้
ความเห็นของฝ่ายวิจัยล่าสุด SCB ออกมาปฏิเสธข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนประเด็นการปิดแอป Robinhood อาจเป็นลบเล็กน้อยในระยะสั้นในปีนี้ แต่ในระยะยาวจะดีขึ้น โดยมองว่า 1H67 ขาดทุนจาก Robinhood ยังเข้าเป็นปกติ ซึ่งที่ผ่านมาก็รับรู้ในงบการเงินมาตลอด ไม่น่าจะกระทบอะไร สำหรับ 2H67 ซึ่งหากยังดำเนินการปกติอาจมีขาดทุนเข้ามาอีกราว 1 พันลบ. แต่การประกาศปิดแอปดังกล่าวจะทำให้ต้องตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ราวครึ่งหนึ่งของยอดเงินลงทุน ณ สิ้นปี 66 ที่ 2.5-3 พันลบ. เนื่องจากมีการรับรู้ขาดทุนในงบ 1H67 แล้ว ทำให้คงเหลือเงินลงทุนอีกราว 1.25-1.5 พันลบ. ซึ่งคาดว่าจะ offset กับขาดทุนปกติของ Robinhood อีกครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับว่า SCB จะนำบริษัทดังกล่าวไปทำธุรกิจอื่นหรือปิดกิจการไปเลย แต่อย่างไรก็ดี มอง worst case หากไม่ทำธุรกิจต่อไป จะมี ค่าใช้จ่าย one off จากการเลิกจ้างพนักงาน บวกการด้อยค่าเงินลงทุน ซึ่งน่าจะ offset กันไปพอดี หรืออาจลบอีกเล็กน้อย จึงคาดไม่น่าจะกระทบต่อ SCB อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ และน่าจะส่งผลบวกต่อผลประกอบการปี 68 เพราะไม่ต้องบันทึกรับรู้ขาดทุนจากแอปดังกล่าวปีละ 2 พันลบ.อีกต่อไป ซึ่งจะทำให้ SCB มีผลประกอบการที่ดีขึ้นถึง 2 พันลบ. หรือราวเกือบ 5% ของกำไรทั้งปีของ SCB ได้เลย ดังนั้น ยังคงแนะนำ ซื้อลงทุน SCB ยังถือเป็นหุ้นธนาคารที่ยังมีผลประกอบการที่โตต่อเนื่อง และมีปันผลสูงสม่ำเสมอราว 8-10%ต่อปี เป้าหมาย 126 บาท