"NISSAN" ทดสอบการเดินทางโดย "แท็กซี่ไร้คนขับ" บนถนนในญี่ปุ่น

นิสสัน (Nissan) แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังสัญชาติญี่ปุ่น ได้เปิดตัวเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติล่าสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของญี่ปุ่น ในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนรถยนต์อัตโนมัติ ที่สามารถตรวจจับสิ่งกีดขวาง หยุดให้คนเดินถนน และเปลี่ยนเลนโดยไม่ต้องให้มนุษย์เข้ามาควบคุม เพื่อรับมือปัญหาการขาดแคลนคนขับที่เพิ่มขึ้นและประชากรสูงอายุ
เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นนี้ ใช้การทำงานของกล้อง 14 ตัว เรดาร์ 9 ตัว และเซ็นเซอร์ไลดาร์ (LiDAR) ช่วยวัดระยะอีก 6 ตัว เพื่อตรวจจับสภาพแวดล้อม ผู้ใช้งานสามารถเรียกรถผ่านแอปมือถือ เพื่อกำหนดจุดหมายปลายทาง ก่อนเริ่มการเดินทางซึ่งรถจะออกตัวโดยอัตโนมัติ
สำหรับพวงมาลัยของรถจะหมุนได้เอง โดยปรับและตอบสนองตามสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ด้วยความสามารถของระบบปัญญาประดิษฐ์ที่จะคอยตรวจจับสภาพแวดล้อมโดยรอบตลอดเวลาผ่านเซ็นเซอร์ ทำให้รถเปลี่ยนเลนได้อย่างปลอดภัย สามารถตรวจจับคนเดินถนน และหยุดที่ทางแยกได้เอง และรักษาความเร็วในการขับขี่ไม่เกินขีดจำกัดที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อย่างไรก็ตามแม้ปัจจุบันรถยนต์จะสามารถขับขี่ได้แบบอัตโนมัติ แต่ระบบนี้ก็ยังจัดอยู่ในระดับความสามารถขับขี่อัตโนมัติ ระดับที่ 2 ซึ่งหมายความว่ายังคงต้องมีมนุษย์คอยดูแล และพร้อมที่จะเข้าควบคุมรถหากจำเป็น โดยปัจจุบันจะมีผู้ควบคุมคอยตรวจสอบการทดลองขับจากศูนย์ควบคุมระยะไกล
ทั้งนี้ญี่ปุ่นเริ่มหันมาใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติ เพื่อแก้ปัญหาประชากรที่ลดลง และการขาดแคลนคนขับรถมืออาชีพที่เจอปัญหาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ที่เจอปัญหาบริการขนส่งสาธารณะลดลงตามไปด้วย
โดยปัจจุบันนิสสันวางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ที่สามารถรองรับการขับขี่อัตโนมัตินี้ อีก 20 คันในเมืองโยโกฮามา ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะบรรลุมาตรฐานการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ให้ถึงระดับที่ 4 ซึ่งหมายถึงการขับเคลื่อนโดยไร้คนขับอย่างสมบูรณ์ ภายในปี 2029 - 2030
ข้อมูลจาก