น้ำท่วมภาคเหนือ: สัญญาณเตือนภัยสู่ภาคกลาง
สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือของประเทศไทยกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในจังหวัดแพร่ น่าน และเชียงราย ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างกว้างขวาง ในจังหวัดเชียงราย มีรายงานว่าเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี โดยเฉพาะในอำเภอเทิงและเวียงแก่น ซึ่งระดับน้ำสูงเกือบมิดหลังคาบ้านชั้นเดียว ขณะที่จังหวัดน่านเผชิญกับน้ำป่าที่ซัดพังสะพานและรีสอร์ตในพื้นที่อำเภอทุ่งช้าง
มวลน้ำขนาดใหญ่จากภาคเหนือกำลังเคลื่อนตัวลงมาตามลำน้ำสำคัญ โดยเฉพาะแม่น้ำยมที่มีปริมาณน้ำสูงถึง 1,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเกินความสามารถในการรองรับของลำน้ำ น้ำเหล่านี้จะไหลผ่านจังหวัดสุโขทัยและลงสู่ภาคกลางในที่สุด ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ตอนล่าง
ล่าสุด กรมชลประทานได้ออกประกาศเตือน 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และลพบุรี ให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขื่อนเจ้าพระยาจำเป็นต้องเพิ่มอัตราการระบายน้ำเป็น 500-700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระหว่างวันที่ 23-30 สิงหาคม เพื่อรองรับมวลน้ำจากภาคเหนือ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวสูงขึ้น 1-1.2 เมตร
พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ บริเวณลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผงในจังหวัดอ่างทอง และริมคลองบางบาลในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ ประชาชนและผู้ประกอบการที่มีกิจกรรมในแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น การก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง โป๊ะ และแพร้านอาหาร ควรเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับระดับน้ำที่อาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ การเตรียมความพร้อมของประชาชนมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยควรติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด เฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในพื้นที่ และเตรียมแผนอพยพพร้อมสิ่งของจำเป็นสำหรับกรณีฉุกเฉิน การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ในการเฝ้าระวังและรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น จะเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสียหายและบรรเทาผลกระทบจากภัยน้ำท่วมที่กำลังคืบคลานจากภาคเหนือสู่ภาคกลาง
ภาพ TNN