ครอบครัวพม่า ซุกสวนยางพารา ยอมจ่าย9พันหนีกลับประเทศ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายมั่นคงประจวบ นำกำลังเข้าจับกุมครอบครัว แรงงานชาวพม่า พยายามหนีกลับระเทศ จ่ายเงินขบวนการลักลอบ 9,000 บาท ให้พาเดินเท้าข้ามชายแดน
เมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 23 ธ.ค.63 นายคณพศ สายสกล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านหนองเสือ ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่า พบกลุ่มบุคคลแปลกหน้าเป็นชาวเมียนมามาหลบซ่อนตัวเดินอยู่ในป่าสวนยางพาราท้ายหมู่บ้านของชุมชนกะเหรี่ยงภายในหมู่บ้านเนินแก้ว หมู่ 5 ซึ่งติดกับแนวเทือกเขาตะนาวศรีชายแดนไทย-เมียนมา
จึงรายงานให้ นายวิโรจน์ ชูแก้ว รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ทราบ พร้อมร่วมกับ นายสมยศ สำเภารัตน์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองประจวบ นำกำลังเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน(อส.) ประสานขอสนับสนุนกำลังจากผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ ชรบ.ในเขตพื้นที่ร่วมเข้าจับกุม
แต่เมื่อไปถึงพบกลุ่มบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวน 5 ราย กำลังเดินอยู่ในป่าสวนยางพารา เพื่อเตรียมที่จะเดินข้ามไปยังแนวป่าสันแดนไทยบริเวณช่องทางธรรมชาติมุ่งหน้าสู่ประเทศเมียนมา ทีมชุดจับกุมของผู้ใหญ่บ้านจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ ระหว่างนั้นคนนำพาซึ่งเป็นชาวเมียนมาได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าทิ้งให้แม่ลูกชาวเมียนมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้รวม 4 ราย
ประกอบด้วย นาง ตาน ตานเม อายุ 30 ปี ทำงานและพักอาศัยอยู่กับนายจ้างที่บ้านมาบอำมฤต เลขที่ 29/5 หมู่ 13 ตำบลดอนยาง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร และ เด็กชาย 1 คน อายุ 10 ปี และเด็กหญิงอายุ 7 ปี 2 คน
จากการสอบปากคำ นางตาน ตานเม ให้การยอมรับสารภาพว่าครอบครัวตนเองและสามีได้ทำงานรับจ้างเก็บปาล์มอยู่ที่บ้านมาบอำมฤต จังหวัดชุมพร นาน 6 ปี จึงอยากกลับบ้านเกิดประเทศเมียนมา และปล่อยให้สามีทำงานอยู่ในประเทศไทยคนเดียว โดยได้เสียเงินจ่ายค่าจ้างนำพาข้ามแดนให้กับขบวนการ จำนวน 9,000 บาท แต่มาถูกจับได้
เจ้าหน้าที่จึงได้ก่อไฟผิงเพื่อคลายความหนาวให้กับแม่ลูกชาวเมียนมาร์ พร้อมยืนเฝ้ารอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจหาเชื้อโควิค 19 ในตอนเช้า เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป พร้อมกับประสานให้นายจ้างมารับตัวกลับไปก่อน รอจนกว่าด่านชายแดนสิงขรจะเปิด เนื่องจากมีบัตรแรงงานถูกต้อง