เปิดใจหนุ่มถือป้าย ขายไต ชี้โควิดทำกิจการพัง ลูกร่ำไห้ "แล้วหนูจะอยู่กับใคร"
เปิดใจหนุ่มถือป้าย ขายไต กับลูกสาว ร่ำไห้สู้ทุกทางแล้ว แต่โควิดครั้งนี้ทำชีวิตพัง ชี้เป็นเจ้าของโรงกลึง แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าที่-ลูกน้อง รู้ว่าผิดแต่คิดหาทางไม่ออกแล้ว
18 ต.ค. 2564 - จากกรณีโลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพ ชายคนหนึ่ง ที่ป้ายพร้อมข้อความต้องการขายไต 1 ข้างเพื่อชำระหนี้ กลางสี่แยกไฟแดงในพื้นที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีเด็กผู้หญิงเดินกอดเอวร้องให้ไปด้วย จนเป็นฉากสะเทือนใจผู้ที่ผ่านไปมา และมีการแสดงความคิดเห็นอย่างมากมายนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง บริษัท ธนกฤต จิ๊กซัพพลาย จำกัด เลขที่ 10/2 หมู่ 3 ต.มาบไผ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เพื่อพบกับ นางปภาดา แก้วปัชชา อายุ 51 ปี แม่ยาย ลูกสาววัย 6 ขวบ และ ลูกชายวัย 4 ขวบ นายธนกฤต พันธ์สิงห์สอน อายุ 36 ปี เจ้าของโรงกลึง และเป็นชายที่ถือป้ายขายไต
นายธนกฤต กล่าวว่า ตนได้ทำธุรกิจโรงกลึงมากว่า 7 ปีแล้ว แต่มาเจอปัญหาช่วงของโควิด เจอเศรษฐกิจที่มันแย่ลง ทำให้ต้องแบกภาระซึ่งภาระในส่วนนี้ก็จะเป็นส่วนของพนักงานประมาณเกือบ 20 คนตั้งแต่ต้นปี แบกมาเรื่อย ๆ แต่ระยะหลังไม่ไหวจริง ๆ เงินทุนเริ่มไม่มีจึงได้ทำการไปหากู้หนี้ยืมสินนอกระบบมาจ่ายพนักงาน
ที่หนักสุดคือดอกรายวัน ที่ตนจำเป็นต้องกู้มาและต้องยอมรับสภาพ ต้องหาใช้ แต่บางครั้งมันหมุนไม่ทันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงตัดสินใจว่าไปไหว้หลวงพ่อโสธร หลังจากไหว้เสร็จ จึงคิดว่ามันไม่มีทางออกแล้ว ตนจึงตัดสินใจไปกับลูกสาวเพียง 2 คน แล้วดูในคลิปว่ามันมีส่วนไหนที่ร่างกายเราสามารถขายได้บ้าง
"ผมรู้มันผิดกฎหมาย แต่มันมีทางออกทางเดียวที่จะช่วยผมได้ ผมเคยเข้าไปหาผู้ใหญ่พูดคุยเพื่อให้ช่วย เผื่อจะได้เงินก้อนประมาณ 1 ล้าน แต่มันไม่มีทางที่เขาจะช่วย เพราะเราไม่มีหลักทรัพย์อะไรไปค้ำประกันเขา ผมมีแต่เครื่องจักร เลยตัดสินใจว่าขายอวัยวะส่วนตัวเรา แต่เราขายในส่วนที่มันยังมียังต่อชีวิตลงต่อลมหายใจของเราได้ จึงตัดสินใจขายไตข้างหนึ่ง"
ธนกฤต กล่าวต่อว่า ตนไม่รู้ว่าจะขายได้ไหม อย่างน้อยก็ถอืว่าดีกว่าไปปล้นเขา ตอนนี้ตนคิดได้เท่านี้ อีกอย่างวันนี้เป็นวันสุดท้ายของตน จะต้องจ่ายค่าเช่าที่ ถ้าตนไม่จ่ายเขาต้องให้ตนออก ซึ่งตนเลื่อนเขามาหลายครั้งแล้ว
ตอนนี้ทุนในการหมุนเวียนตนแทบจะไม่มีเลย กระทั่งเงินที่จะใช้ก็แทบจะไม่เหลือ ลูกบอกตนว่าไม่ให้พ่อขายไตนะ พ่ออาจตายก็ได้ ถ้าพ่อตายหนูจะอยู่กับใคร แล้วก็เอาแต่ร้องไห้ แต่ตนคิดอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ ตอนนี้
ขณะที่ นางปภาดา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนก็ท้อแท้แทนลูก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง วันที่เขาออกไปถือป้าย เขาได้ออกไปกับลูกสาวเพียง 2 คน โดยไม่ได้บอกใคร เพราะตนก็ไปขายกล้วยปิ้งหารายได้มาจุนเจือ และไม่มีใครรู้จนกระทั่งกลับมาบ้าน หลานสาวได้มาเล่าให้ฟัง ว่าพ่อจะไปผ่าท้องทำอะไรกับเรื่องไตโดยพูดไปร้องให้ไป จนตนรู้ความจริง
ตนได้แต่ให้กำลังใจ กลัวว่าเขาจะไปทำอะไรไม่ดี เพราะหากเป็นอะไรไปทั้งหมดก็หมดเลยทุกอย่างอยากให้เขาคิดให้ดี ตนก็อยากให้กำลังใจกับลูกเรา คนเป็นแม่ไม่ทิ้งลูกอยู่แล้ว ต่อให้ลำบากแค่ไหน เพราะสงสารเด็ก ๆ ถ้าไม่มีพ่อจะอยู่ยังไง