รีเซต

แรมโบ้อีสาน เล็งชงบิ๊กตู่ ของบฯสร้างโรงงานผลิตน้ำแร่ห้วยกระเจา อ.อ๊อด ชี้คุณภาพเต็ม100

แรมโบ้อีสาน เล็งชงบิ๊กตู่ ของบฯสร้างโรงงานผลิตน้ำแร่ห้วยกระเจา อ.อ๊อด ชี้คุณภาพเต็ม100
มติชน
3 มีนาคม 2564 ( 15:24 )
110

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ 3 มี.ค.64 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาลัยกำแพงแสน พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานโครงการศึกษา สำรวจและรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกัดเก็บในหินแข็งระดับลึก ในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน (บ่อน้ำพุโซดา) บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจติดตามโรงผลิตน้ำดื่มจากบ่อน้ำพุโซดา และระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำ


โดยมี นายทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล ผอ.สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) นายเกรียงศักดิ์ ภิระไร ผอ.สำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล นายสุรินทร์ วรกิจธำรง ผอ.สักนักพัฒนาน้ำบาดาล นายสุดใจ วงชารี ผอ.กองวิเคราะห์น้ำบาดาล นายศุภเวท ทองประยูร ผอ.สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 8(ราชบุรี)นายเฉลิมพล กลิ่นนิ่มนวล ที่ปรึกษากรมทรัพยากรน้ำบาดาล นายชลพรรษา บุญซื่อ นักวิชาการทรัพยาธรณีชำนาญการฯ เขต 2 (สุพรรณบุรี) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ นายก อบจ.กาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และประชาชนให้การต้อนรับ

 

เมื่อคณะเดินทางมาถึงได้เดินพบปะพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ และนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมและทดลองดื่มน้ำพุโซดาที่ทางเจ้าหน้าที่แจกให้ฟรีคนละ 500 ซีซี จากนั้นตรวจติดตามโรงผลิตแร่ และระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำแร่ พร้อมกับมอบน้ำแร่ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เยี่ยมชมบ่อน้ำพุโซดา
ซึ่งครั้งนี้ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รวมทั้ง รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ และคณะได้ทดลองดื่มน้ำแร่โซดาที่บริเวณบ่อน้ำดิบที่ยังไม่ผ่านการกรอง และทดลองดื่มน้ำแร่โซดาที่ผ่านระบบการกรองที่ได้มาตรฐานน้ำดื่ม เพื่อยืนยันและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวไทยด้วย

 

โดย รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ เปิดเผยว่า จากการติดตามและตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบ่อน้ำพุโซดา เป็นข้อมูลตามที่ได้มีการนำเสนอ เช่น สภาพทางเคมีวิทยา ที่ได้มีการทดสอบทั้งในพื้นที่ และห้องปฏิบัติการของกรมที่ส่วนกลาง ที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างหรือพีเอช อยู่ที่ 6.8 ซึ่งมีกรดคาร์บอนิก ก็เหมือนกับน้ำอัดลมหรือน้ำโซดาทั่วไป รวมถึงมีซัลเฟต ถือว่าน้อยมาก หากใครที่ทานน้ำแล้วจะพบว่า มีอาการระบายท้อง สาเหตุเป็นเพราะซัลเฟตนี้ แต่ที่บ่อน้ำพุโซดาพบว่ามีน้อยมาก หรือ ข้อมูลด้านสัณฐานวิทยา เป็นน้ำที่ซึมมาจากชั้นใต้ดินผ่านชั้นหินปูน ทำให้มีคาร์บอเนตค่อนข้างสูง เป็นต้น ทุกอย่างจึงเป็นข้อเท็จจริงตามที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลรายงาน

“แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ มีธาตุเหล็กค่อนข้างสูงโดยพบปริมาณที่อยู่ในน้ำดิบถึง 10 พีพีเอ็ม หากทานเข้าไปจะเป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคนิ่วได้ สังเกตได้จากหากนำน้ำพุจากบ่อไปโดยตรง เมื่อทิ้งไว้สักพักจะเปลี่ยนเป็นสีแดง นั่นคือเหล็กที่มีอยู่และเปลี่ยนรูป ดังนั้นธาตุเหล็กคือปัญหาหลัก ในขณะที่แร่ธาตุอื่นนั้นไม่มีปัญหา แต่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้แก้ปัญหาด้วยการติดตั้งระบบเครื่องกรองธาตุเหล็ก ทำให้ธาตุเหล็กที่มีมากถึง 10 พีพีเอ็ม ให้เหลือ 0 พีพีเอ็ม หรือเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่ไม่มีธาตุเหล็กแล้ว ดังนั้นจึงขอเตือนประชาชนทุกคนว่า อย่านำน้ำแร่จากบ่อน้ำพุโซดาไปบริโภคโดยตรง ต้องผ่านระบบเครื่องกรองของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก่อนเท่านั้น โดยมารับได้ที่จุดแจกจ่ายน้ำที่ได้ติดตั้งไว้ มารับได้เลย เพราะบริสุทธิ์ บริโภคได้เลย”

 

ดร.วีรชัย กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่สำคัญอีกประการได้แก่ เชื้อโรคกลุ่มแบคทีเรีย ซึ่งตรวจแล้วพบว่า ไม่มีเลย ซึ่งเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ที่หากมีกรดคาร์บอนิกค่อนข้างสูงแล้วเชื้อโรคจะอยู่ไม่ได้ อีกทั้ง กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีการส่งน้ำไปยังกรุงเทพฯ เพื่อทำน้ำแร่ ก็เป็นไปตามกระบวนการผลิตน้ำแร่เหมือนกับในต่างประเทศ ที่ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การพาสเจอร์ไรซ์ และการที่ไม่ต้องมีเครื่องหมาย อย. เป็นเพราะกรมผลิตเพื่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อจำหน่าย จึงไม่ต้องมีการขอเครื่องหมาย อย.
“ตอนแรกมีความคิดว่าจะน้ำจากบ่อน้ำพุโซดาไปตรวจสอบที่ห้องปฏิบัติทดลองของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่เมื่อมาดูในขั้นตอนการผลิตต่างๆ รวมถึงเครื่องมือ เทคโนโลยีต่างๆ ห้องปฏิบัติการ และบุคลากรของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล แล้วพบว่า มีมาตรฐานไว้ใจได้ จึงไม่จำเป็นต้องนำไปตรวจสอบซ้ำอีก ดังนั้นขอยืนยันว่า น้ำแร่จากบ่อน้ำพุโซดาที่อำเภอห้วยกระเจาแห่งนี้ดื่มได้แน่นอน” ดร.วีรชัย กล่าวในที่สุด

ขณะที่ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาภัยแล้งในเขตพื้นที่อำเภอห้วยกระเจา และอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี นั้น กรมทรัพยากรน้ำบาดาลยังคงดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการขยายการเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อสร้างแหล่งน้ำให้ประชาชนเพิ่ม โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่า บ่อน้ำบาดาลที่เจาะใหม่ ห่างจากจุดบ้านทุ่งคูณไปประมาณ 2 กิโลเมตร เจาะพบน้ำบาดาลที่ความลึก 180 เมตร มีปริมาณน้ำ 20 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง และมีคุณภาพน้ำค่อนข้างดี

“ส่วนการพัฒนาบ่อน้ำพุโซดาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างไรต่อไปนั้น เป็นเรื่องของหน่วยงานต่างๆ ในส่วนกลางหรือท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบ สำหรับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนั้นเน้นดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการดูแลระบบให้มีน้ำพุอย่างนี้ตลอดไป”

ต่อข้อมถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า การตรวจเพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มจะต้องผ่าน อย.ด้วยหรือไม่ นั้น นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ชี้แจงว่า หากดำเนินการทางด้านการค้าจะต้องมี อย.เช่นบริษัทผลิตน้ำดื่มต่างๆ เพราะเป็นการค้า แต่ถ้าหากทำเพื่อการแจกจ่ายให้ประชาชนไม่จำเป็นต้องมี อย.เพราะกรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีห้องแลปสำหรับปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพน้ำที่ได้มาตรฐานน้ำดื่มอยู่แล้ว ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีจุดจ่ายน้ำ 203 แห่งทั่วประเทศ ไม่ใช่มีเพียงที่นี่ที่เดียว และที่แห่งนี้เป็นจุดจ่ายน้ำแห่งที่ 204 โรงงานที่เป็นแหล่งผลิตขวดน้ำของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีอยู่จำนวน 13 โรงงาน ซึ่ง 80 เปอร์เซ็นต์มี อย. โดย อย.จะตรวจสอบขบวนการผลิตว่าสะอาดหรือไม่ ถูกหลักมาตรฐานน้ำดื่มหรือไม่เท่านั้น เพราะมาตรฐานน้ำดื่มจะระบุเอาไว้ว่าแร่ต่างๆ ที่มีอยู่จะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ว่าเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม ที่เป็นมาตรฐานน้ำบาดาล ที่จะสามารถใช้ดื่มได้ เช่น เหล็กที่พวกเราเป็นห่วงกันคือมีได้ไม่เกิน 1.00 มิลลิกรัมต่อลิตร แต่เครื่องกรองของเราตรวจสอบคุณภาพน้ำผลออกมาแล้วคือเหลือ 0 มิลลิกรัมต่อลิตร หมายถึงไม่มีแร่เหล็กปนเปื้อนอยู่เลย
“ฉะนั้นต้องขอขอบคุณคนที่เป็นห่วง และผมอยากให้คนที่เป็นห่วงได้ไปตรวจดูตู้กดน้ำตามสถานที่ต่างๆ เพื่อดูว่าได้มาตรฐานหรือไม่ อย่ามาห่วงกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพราะอธิบดีฯ รับผิดชอบอยู่แล้ว”

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวต่อไปว่า จากที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้นำน้ำแร่จากบ่อน้ำพุโซดาไปมอบให้กับคณะรัฐมนตรีได้รับประทานในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่า คณะรัฐมนตรีทุกท่านมีความสุขกับน้ำแร่จากบ่อน้ำพุโซดาแห่งนี้ ก็รู้สึกดีใจแทนประชาชนชาวอำเภอห้วยกระเจา เพราะเป็นน้ำแร่ที่คุณภาพดี มีราคาสูงและดีต่อสุขภาพด้วย

“ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า มีภาคเอกชนเข้ามาซื้อที่ดินจากชาวบ้านในพื้นที่เจาะบ่อน้ำบาดาลในกรณีนี้ ต้องเรียนว่า หากผู้ใดจะประกอบการกิจการน้ำบาดาล หมายความว่า จะขุดเจาะและใช้ ผู้นั้นจะต้องขออนุญาตจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเท่านั้น” นายศักดิ์ดา กล่าวในที่สุด

ด้าน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งปลัดกระทรวง และอธิบดีฯ ได้นำน้ำแร่ที่มีคุณภาพไปโชว์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีรู้สึกประทับใจและดีใจว่าอย่างน้อยที่สุดก็สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้ง และประชาชนได้มีน้ำใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค ซึ่งทางอธิบดีฯ ก็ได้รายงานทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของสายน้ำใต้ดินที่มีความยาวถึง 23 กิโลเมตร และมีน้ำมากถึง 500 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้น้ำที่มีอยู่ใต้ดินนั้นเพียงพอต่อประชาชนในพื้นที่ ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้มีแนวคิดว่าจะขยายไปดูจุดอื่นๆ ที่จะมีน้ำใต้ดินที่มีลักษณะเป็นน้ำแร่อย่างนี้ เพื่อที่จะได้น้ำที่มีคุณภาพให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งจะเป็นการแก้วิกฤตของภัยแล้งได้

ทั้งนี้ตนได้พูดคุยกับอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และมีแนวทางที่จะเรียนนายกรัฐมนตรี ว่าอยากจะมีงบประมาณจำนวนหนึ่งหรือประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อนำมาสร้างโรงงานผลิตน้ำดื่มที่เป็นของรัฐ โดยเฉพาะน้ำแร่ โดยผลิตเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในยามเกิดวิกฤตภัย อุทกภัยน้ำท่วม เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ตามครัวเรือนที่ประสบอุทกภัย หรือแม้กระทั่งพี่น้องที่ประสบปัญหาวิกฤตภัยแล้งก็สามารถนำไปแจกจ่ายได้

หากรัฐบาลมีโรงงานของรัฐเอง โดยให้กรมทรัพยากรย้ำบาดาลเป็นเจ้าภาพจะสามารถผลิตน้ำดื่มที่มีคุณภาพขึ้นมาใช้เอง ตนเชื่อมั่นว่าต่อไปพี่น้องประชาชนจะมีน้ำอุปโภคและบริโภคที่สะอาดดื่มทุกครัวเรือนและเป็นน้ำที่มีคุณภาพทางแร่ธาตุด้วย ซึ่งหากรัฐบาลลงมือทำประชาชนจะได้ประโยชน์และประชาชนคนไทยจะได้ดื่มน้ำที่สะอาดจริงๆ ตามที่อธิบดีฯ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้

อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงฯ และอธิบดีฯ ว่า ต่อไปพื้นที่ตรงนี้จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชาวตำบลห้วยกระเจา และชาวจังหวัดกาญจนบุรี โดยเราอาจจะให้ทาง นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ หรือหมอหนุ่ย นายก อบจ.กาญจนบุรี รวมทั้งทางท้องถิ่น ได้เสนอโครงการขึ้นไป เพื่อจัดหางบประมาณที่จะนำมาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมน้ำพุโซดาที่พวยพุ่งขึ้นมาโดยไม่มีวันลดลง ขณะเดียวกันจะได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น จึงถือว่าเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยงแห่งใหม่ให้กับชาวจังหวัดกาญจนบุรีได้เป็นอย่างดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง