“หลุมยุบ” ผุดกลางตุรกี นับแล้วเกือบ 700 หลุม สัญญาณเตือนภัยแล้งและวิกฤตน้ำใต้ดิน

ที่จังหวัดคอนยา ของตุรกี ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมในการเพาะปลูกข้าวโพด และข้าวสาลี กำลังเผชิญกับปัญหา “หลุมยุบ” ขนาดใหญ่ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ บางจุดเกิดหลุมยุบมากกว่า 10 หลุม กระจายตัวไปทั่วพื้นที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมระบุว่า ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดหลุมยุบในพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเกือบ 700 หลุม ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนที่ส่งผลให้ตุรกีเผชิญภัยแล้งยาวนานมากกว่าปกติ

วิกฤตภัยแล้งทำให้ระดับน้ำใต้ดินลดลงจากเมื่อ 20 ปีก่อนที่ปีละประมาณ 0.5 เมตร แต่ปัจจุบันอัตราการลดลงของน้ำใต้ดินสูงถึง 4-5 เมตรต่อปี เมื่อแหล่งน้ำตามธรรมชาติลดลง เกษตรกรส่วนใหญ่จึงต้องขุดน้ำบาดาลเพิ่มเพื่อใช้ในการเกษตร และส่วนใหญ่เป็นบ่อน้ำบาดาลที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยคาดการณ์ว่ามีบ่อน้ำบาดาลผิดกฎหมายในพื้นที่กว่า 120,000 บ่อ มากกว่าบ่อบาดาลที่ได้รับอนุญาตถึง 4 เท่า การสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้เร่งให้ระดับน้ำใต้ดินลดลงเร็วขึ้นกว่าเดิมและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหลุมยุบในอนาคต

ที่ผ่านมายังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากหลุบยุบจำนวนมากที่ผุดขึ้นในพื้นที่ทางตอนกลางของตุรกี แต่ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่มีสัญญาณเตือนจึงสร้างความกังวลให้กับชาวบ้านในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม มีการสำรวจทางธรณีวิทยาและพบว่ายังมีพื้นที่เสี่ยงอีกหลายจุดที่อาจเกิดหลุมยุบขึ้นได้ และไม่สามารถคาดล่วงหน้าได้ ชาวบ้านในพื้นที่จึงต้องอยู่อย่างหวาดกลัวต่อหลุบยุบที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ 

ผลพวงที่เกิดขึ้นจากวิกฤตของระดับน้ำใต้ดินนี้สะท้อนถึงความเร่งด่วนในการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการรับมือจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน เพื่อปกป้องชาวเมืองตุรกีอย่างยั่งยืน