หมอเฉลิมชัย ยกเคสคลัสเตอร์"โอมิครอน"เกาะฟาโรห์ ฉีดไฟเซอร์ 3 เข็มยังติดเชื้อ 63.6%
วันนี้(27 ธ.ค.64) นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่าน blockdit ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ "โอมิครอน
โดยระบุว่า "เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์ Omicron เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่องค์การอนามัยโลกเพิ่งประกาศได้ประมาณหนึ่งเดือน ( 26 พฤศจิกายน 2564 ) ทำให้เรามีข้อมูลและสถิติของไวรัสชนิดนี้ ที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์มากนัก
การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ จะทำให้มนุษย์เรา สามารถเข้าใจธรรมชาติของไวรัส Omicron มากขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือการระบาดของไวรัสได้ดียิ่งขึ้น
เป็นที่ทราบในเบื้องต้นว่า ไวรัส Omicron มีการแพร่ระบาดได้รวดเร็วและกว้างขวาง แพร่ระบาดไปแล้วกว่า 100 ประเทศทั่วโลก มีการดื้อต่อวัคซีน แต่อาการไม่ค่อยรุนแรงมากนัก การเก็บตัวเลขในกลุ่มคลัสเตอร์ที่ข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก
วันนี้มีรายงานการศึกษาที่หมู่เกาะฟาโรห์ ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของประเทศเดนมาร์ก และเป็นเขตที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงสุดในลำดับต้นของโลก รวมทั้งมีการตรวจการติดเชื้อที่สูงมากคือตรวจถึง 12 เท่าของจำนวนประชากร หมู่เกาะนี้มีประชากรประมาณ 50,000 คน คือมีการตรวจประมาณ 600,000 เทสต์การระบาดเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้ เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่จัดงานสังสรรค์เป็นส่วนตัวจำนวน 33 ราย หลังจากนั้นไม่กี่วัน บางรายมีอาการคล้ายโควิด จึงได้ทำการตรวจพีซีอาร์ พบผลเป็นบวกหรือติดโควิด
ที่สำคัญคือ ในคลัสเตอร์ดังกล่าว ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีน Pfizer ครบ 3 เข็มแล้ว เป็นเวลาประมาณ 2 เดือนเศษ ซึ่งจะมีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงเพียงพอ
อัตราของผู้ติดเชื้อยังคงสูงมากถึง 63.6% คือ 21 ราย จาก 33 ราย และในจำนวน 21 รายนี้ ได้ตรวจคอนเฟิร์มแล้วว่าเป็นไวรัส Omicron ถึง 17 ราย ผู้ติดเชื้อมีอาการหมดทุกราย (100%) ในระดับน้อยถึงปานกลาง ไม่มีรายใดที่ต้องนอนโรงพยาบาล
อาการประกอบด้วย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย และมีไข้ มีส่วนน้อยเท่านั้นที่มีการสูญเสียการได้กลิ่นและรับรส พบว่ามีระยะฟักตัวค่อนข้างสั้นคือ 3.24 วัน (2-6 วัน) และมีอาการประมาณ 1-9 วัน จึงทำให้เป็นข้อมูลสำคัญ ที่ช่วยยืนยันว่าไวรัส Omicron ดื้อต่อวัคซีนหรือทำให้ประสิทธิผลของวัคซีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
และในคลัสเตอร์ที่หมู่เกาะฟาโรห์ ยิ่งทำให้เกิดความเป็นห่วง เพราะทุกคนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ครบ 3 เข็ม ก็ยังติดเชื้อถึง 63.6% เพียงแต่วัคซีนช่วยทำให้ไม่มีผู้ใดป่วยจนอาการหนักต้องเข้าโรงพยาบาล
กล่าวโดยสรุป การป้องกันการติดไวรัส Omicron ควรดำเนินการดังนี้
1) ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจากบ้าน หรือใกล้ชิดกับผู้คน
2) งดการเลี้ยงสังสรรค์ที่เป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะที่อยู่ในอาคาร และมีระบบระบายอากาศไม่ดี
3) หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิด และมีการพูดคุย หัวเราะเสียงดัง หรือร้องเพลง จะทำให้ลดโอกาสการติดไวรัส Omicron ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนกรณีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 จะทำให้ติดเชื้อลดลงได้บ้าง แต่ที่สำคัญคือจะลดอาการเจ็บป่วยรุนแรงถ้าบังเอิญติดเชื้อขึ้นมา
ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดในการป้องกันตนเองไม่ให้ติดโควิดจากไวรัสสายพันธุ์ใดก็ตาม รวมทั้งไวรัส Omicron นี้ด้วยก็คือ การไม่ให้ไวรัสเข้าเยื่อบุจมูก เยื่อบุช่องปาก โดยการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงงานเลี้ยงสังสรรค์ที่เป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ และมีการส่งเสียงดัง ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้ไวรัสติดต่อมายังเราได้
ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีน ก็ควรเร่งฉีดเข็ม 3 เพื่อช่วยลดความรุนแรงของโรคลง ในกรณีสุดวิสัยติดเชื้อขึ้นมา"
ภาพจาก AFP/Chalermchai Boonyaleepun