"คลัง" เร่งปฏิรูปภาษี ชี้มีขึ้น-ลด หวังเพิ่มรายได้รัฐ คาดเพดานลดหย่อนใหม่เริ่มปีภาษี 2569

"คลัง" เร่งปฏิรูปภาษี เพิ่มรายได้รัฐ ชี้มีขึ้น-ลดบางรายการ คาดเพดานลดหย่อนใหม่เริ่มใช้ปีภาษี 2569
คืบหน้าการเดินหน้าปฎิรูปภาษีตามแนวคิดของนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ล่าสุดทางนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าจะมีการพิจารณาถึงการกำหนดเพดาน (Ceiling) ของวงเงินลดหย่อนโดยรวมว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ในแผนการปฏิรูปโครงสร้างภาษีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นนโยบายที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญ โดยระบุว่าเป็นโอกาสดีที่ได้ รัฐมนตรีคลัง ที่มาจากคนคลังจริงๆ เพื่อมาดูเรื่องการบริหารการจัดเก็บรายได้และปฏิรูปภาษีอย่างจริงจัง เพราะการทำเรื่องนี้มีผลต่อคะแนนนิยม หากเป็นรัฐมนตรีที่มาจากการเมือง การทำเรื่องนี้ก็จะยาก
โดยประเด็นเรื่องค่าลดหย่อนเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการปฏิรูปครั้งนี้ ปัจจุบันมีรายการค่าลดหย่อนภาษีจำนวนมาก โดยหากผู้เสียภาษีใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเต็มเพดานในทุกรายการลดหย่อน จะสามารถลดหย่อนภาษีได้มากกว่า 1 ล้านบาทต่อคนต่อปี
ทั้งนี้ค่าลดหย่อนภาษีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เพราะมีรายการค่าลดหย่อนเยอะ ตอนนี้เรามีค่าลดหย่อนภาษีเยอะ กินรายได้ของรัฐไปเป็นหลักแสนล้านบาท หากปรับเกณฑ์เรื่องค่าลดหย่อนก็จะทำให้เราเก็บรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น อย่างไรก็ตามค่าลดหย่อนบางรายการก็มาพร้อมกับการส่งเสริมหรือจูงใจในบางเรื่อง เช่น การออม การลงทุน ดังนั้นต้องชั่งน้ำหนักให้ดี และนอกจากเรื่องปฏิรูปค่าลดหย่อนภาษีแล้วคณะกรรมการปฏิรูปภาษียังอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดภาษีทั้งหมด โดยจะพิจารณาภาษีทุกประเภทซึ่งบางรายการอาจมีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราภาษีและอาจลดอัตราภาษีบางรายการ
นายลวรณ ระบุว่าความตั้งใจของเราคือจะกางแผนออกมาให้เห็นเลยว่าจะขึ้นภาษีตัวไหน และจะลดภาษีตัวไหน โดยจะประกาศออกมาให้ชัดว่าภาษีแต่ละตัวจะเริ่มบังคับใช้ในปีไหน เพื่อไม่ให้คนตกใจ เพราะจะไม่ได้ประกาศใช้พร้อมกัน เรื่องนี้ต้องใช้เวลาที่เหมาะสม คาดว่าอย่างน้อยใน 4 เดือนก็จะเห็นความชัดเจนเรื่องนี้ เพราะแล้ว กระทรวงการคลังก็เคยตั้งเป้าว่าการปฏิรูปภาษีต้องเสร็จในปีนี้ โดยโครงสร้างลดหย่อนภาษีใหม่อาจเริ่มใช้ได้ในช่วงที่มีเงินได้ปีภาษี 2568 และยื่นแบบในปีภาษี 2569
สำหรับผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณ 2568 ต่ำกว่าเป้าหมายในหลักหมื่นล้านบาท ไม่ถึงแสนล้านบาทตามที่เคยประเมินไว้ โดยในเบื้องต้นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขขาดดุลน้อยลงคือรายได้จากภาษีน้ำมันจากการทยอยยกเลิกมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ทำให้รายได้ส่วนนี้กลับเข้ามาช่วยในช่วง 3-4 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ
ส่วนแนวโน้มปีงบประมาณ 2569 เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ไม่ได้ตั้งไว้สูงกว่าปี 2568 มากนัก จึงเชื่อว่าอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ตามเป้าหมาย โดยมาตรการปฏิรูปภาษี เช่น การปรับปรุงค่าลดหย่อน และ การจัดเก็บภาษีชนิดใหม่ อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่รัฐบาลได้
ปลัดคลังกล่าวว่า "เราอาจจะมีช่องว่างในการเก็บภาษีบางประเภทให้เพิ่มขึ้นได้ หลังจาก Quick Big Win เริ่มนิ่งแล้วก็จะต้องมาดูเรื่องภาษีใหม่และรายได้อย่างจริงจัง"