ราชทัณฑ์ พบผู้ต้องขังติดโควิดอีก 457 ราย รักษาหายแล้ว 80%
วันนี้ (17 มิ.ย.64) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ 17 มิ.ย. 64) มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 457 ราย รักษาหายวันนี้ 684 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณท์ 6,295 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้เข้ารับการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยรายแรก เป็นผู้ต้องขังชาย อายุ 71 ปี มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เก๊าต์ ให้การรักษาด้วยยา Favipiravir Dexamethasone พร้อมทั้งยาโรคประจำตัวผู้ป่วย และได้ X-ray ปอดพบปอดอักเสบ จึงได้ส่งต่อการรักษาที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 และได้รับรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา
ส่วนรายที่ 2 เป็นผู้ป่วยชาย อายุ 52 ปี มีโรคประจำตัว มะเร็งตับ โรคตับแข็ง ร่วมกับภาวะน้ำท่วมปอด แพทย์ได้ให้การรักษาด้วยยา Favipiravir Lactulose Aldactone และ oxygen cannular แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น ผู้ป่วยมีอาการซึมลง ไม่รู้สึกตัว วัดสัญญาณชีพไม่ได้และเสียชีวิตลงในที่สุด ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้ประสานญาติ และดำเนินการตามกระบวนการส่งศพผู้เสียชีวิต เพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่างปลอดภัย
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเรือนจำ/ทัณฑสถาน ได้ผ่านพ้นช่วงสภาวะวิกฤตมาได้ระยะหนึ่งแล้ว โดย
ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดในวันนี้ เรือนจำ/ทัณฑสถานที่เป็นเรือนจำสีขาว คือ ไม่พบการแพร่ระบาดคงที่ จำนวน 129 แห่ง และสีแดงที่พบการแพร่ระบาด 12 แห่งคงเดิม โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อซ้ำในเรือนจำ/ทัณฑสถานที่เป็นเรือนจำสีแดงทั้งหมด ขณะที่จำนวนผู้รักษาหายป่วยสะสม 27,231 ราย หรือ 80% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
ทั้งนี้ จากการประเมินสถิติทั้งในด้านของเรือนจำสีแดงที่สามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ ด้านจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงในหลายพื้นที่ รวมถึงจำนวนผู้ป่วยรักษาหายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ระหว่างการรักษาที่ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งหากยังคงควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ในเร็วๆ นี้
โดยแผนดำเนินการต่อจากนี้ จะเป็นการเตรียมแผนเพื่อคืนพื้นที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน ให้สามารถรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ได้ปกติ โดยเฉพาะการเร่งฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังให้ครอบคลุมทุกราย ควบคู่กับแผนการฉีดวัคซีนของประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นนโยบายที่ รมว.ยุติธรรม ได้เน้นย้ำเป็นพิเศษแก่กรมราชทัณฑ์