Facebook รีแบรนด์เป็น Meta งานนี้จะรอดหรือร่วง?
Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น 'Meta' ซึ่งมาจากคำว่า 'Metaverse' โลกเสมือนจริงที่ Facebook กำลังพัฒนาอยู่ในตอนนี้ โดยการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อบริษัทเท่านั้น แต่ชื่อผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Facebook, Instagram จะยังใช้ชื่อเดิม
เหตุผลที่ออกมาเปลี่ยนชื่อ Mark Zuckerberg CEO ของบริษัท Meta กล่าวในไลฟ์สตรีมของบริษัทว่า ชื่อใหม่นี้จะช่วยสะท้อนให้เห็นภาพลักษณ์ของบริษัทว่าพวกเขาจะหันไปทุ่มเทกับการลงทุนใน metaverse มากกว่าบริการโซเชียลมีเดียอีกต่อไป หรืออย่างที่มีข่าวลือกันก่อนหน้านี้ว่าบริษัทกำลังจะเปลี่ยนจาก Social Media Company ไปเป็น Metaverse Company นั่นเอง
นอกจากนี้การที่บริษัทชื่อว่า Facebook ยังทำให้บริษัทดูเหมือนผูกติดอยู่กับแค่ Facebook อย่างเดียว ทั้ง ๆ ที่บริษัท Facebook มีผลิตภัณฑ์ในเครือเยอะแยะ เช่น Facebook, Instagram, Whatsapp ดังนั้นในอนาคตถ้า Facebook จะโฟกัสเรื่องใหม่ ก็สมควรตั้งชื่อให้รองรับกับบริการใหม่ ๆ ในอนาคตด้วย
สำหรับใครที่สงสัยว่า Metaverse (เมต้าเวิร์ส) คืออะไร ต้องขออธิบายก่อนว่าคอนเซ็ปต์ Metaverse ของ Facebook เป็นเหมือนกับ “โลกเสมือนจริง” ที่ทุกคนสามารถเข้าไปทำกิจกรรมในโลกนั้นได้ โดยการเข้าสู่โลก Metaverse ก็จะต้องใช้งานผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนกิจกรรมที่ทำก็เช่น ดูหนังฟังเพลง ขายของ ลองเสื้อ หรือจะเดินทางไปที่ไหน จะไปเจอใครก็ทำได้หมดไม่จำกัดสถานที่ แม้ตัวเราจริง ๆ จะนั่งอยู่ที่บ้านก็ตาม
ซึ่ง Facebook เองรวมถึงนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าต่อไป Metaverse นี่แหละที่จะเข้ามาแทนที่อินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน เป็นพื้นที่ทำกินแห่งใหม่ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และจะกลายมาเป็นธุรกิจหลักของ Facebook ต่อไปด้วย Facebook ถึงได้เอาจริงเอาจังกับการสร้าง Metaverse อย่างเต็มที่ ทั้งทุ่มเงินลงทุน ทั้งทุ่มกำลังจ้างงาน อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ออกมาประกาศจ้างแรงงานชั้นดีของยุโรปเพิ่มอีก 10,000 ตำแหน่ง ก็เพื่อมาช่วยสร้าง Metaverse นี่แหละ
แต่หนทางจะไปสู่ Metaverse ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะในทางเทคนิคแล้ว Facebook เองยังคาดว่าน่าจะต้องใช้เวลากว่า 10-15 ปีกว่าที่ Metaverse จะสร้างเสร็จสมบูรณ์ แถมตอนนี้ Facebook ยังต้องเจออุปสรรคจากข่าวฉาวที่นับวันยิ่งผุดออกมาเรื่อย ๆ อีกด้วย
อย่างที่โดนไปล่าสุดก็คือการที่ Frances Haugen (ฟรานเซส เฮาเกน) อดีตพนักงานของ Facebook ออกมาแฉบริษัท ด้วยการรวบรวมวิจัยและเอกสารภายในที่แสดงให้เห็นว่า บริษัทไม่ได้ใส่ใจต่อตัวผู้ใช้งานมากเท่ากับการคำนึงเรื่องผลกำไร รวมถึงข้อมูลปัญหาภายในเรื่องอื่น ๆ ส่งให้กับ Wall Street Journals สื่อดังระดับโลกเอาไปเผยแพร่ จน Facebook ต้องโดนไต่สวนจากสภาคองเกรซกันจนถึงตอนนี้
และการออกมาแฉครั้งนี้เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียเจ้านี้จริง ๆ ค่ะ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน Facebook ก็โดนขุดเรื่องฉาวภายในออกมารัว ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหละหลวมในการควบคุมข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ไปจนถึงผลการวิจัยภายในที่ชี้ว่า Instagram ส่งผลเสียกับสุขภาพจิตของวัยรุ่นหญิงจริง ๆ
แถมข่าวฉาวที่ทยอยออกมา ก็ดันเป็นช่วงเดียวกับที่ Facebook กำลังวางแผนจะรีแบรนด์ของตัวเองไปสู่การสร้าง Metaverse อีกด้วย ดังนั้นมรสุมลูกใหญ่ที่กำลังพัดกระหน่ำครั้งนี้ อาจจะทำให้ Facebook ไปไม่ถึง Metaverse อย่างที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า?
แล้วก็ไม่ใช่แค่ Facebook ที่โดน แต่เพื่อน ๆ โซเชียลมีเดียเจ้าอื่น ๆ เช่น TikTok และ Snapchat ก็โดนด้วยเหมือนกัน ร้อนถึงตัวแทนของบริษัทต้องออกมาบอกว่าจะไม่ทำซ้ำรอย Facebook อย่างแน่นอน และยินดีเปิดเผยข้อมูลภายในอย่างโปร่งใสให้สภาคองเกรซได้ตรวจสอบด้วย
ส่วนเหตุผลว่าทำไม Facebook ดูจะโดนจับตามองมากที่สุด สื่อหลายสำนักคาดว่าเป็นเพราะอิทธิพลของ Facebook เองที่นับวันก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
โดย Facebook เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาสสามของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 29,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 963,960 ล้านบาท และมียอดผู้ใช้งานรายเดือนที่ยังแอคทีฟอยู่ประมาณ 2,910 ล้านคน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะโดนเพ่งเล็งจากรัฐฯ มากกว่าโซเชียลมีเดียเจ้าอื่น ๆ
ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ Facebook ก็ยังต้องหาทางแก้เกมกันต่อไป แต่สำหรับเป้าหมายในการสร้าง Metaverse ให้เป็นจริงนั้น Facebook เดินหน้าเต็มที่ ด้วยการรีแบรนด์ตัวเองจาก Social Media Company ไปเป็น Metaverse Company อย่างจริงจัง โดย Facebook ตั้งกลุ่มเป้าหมายใหม่ คือผู้ใช้งานวัยหนุ่มสาว เนื่องจาก Facebook คิดว่ากลุ่มคนวัยนี้นี่แหละ ที่จะเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ Metaverse โตได้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่แทบจะใช้ชีวิตทั้งหมดอยู่ในโลกออนไลน์เป็นหลัก
Facebook จึงออกมาประกาศปรับกลุ่มโฟกัสใหม่ เอาใจวัยรุ่นมากขึ้น และจะดัน Instagram ให้สามารถดึงผู้ใช้งานสู้กับ TikTok คู่แข่งได้อีกด้วย เพื่อแก้ปัญหากลุ่มผู้ใช้งานวัยหนุ่มสาวที่กำลังลดลงเรื่อย ๆ ในตอนนี้
และนี่ก็คืองานหนัก ที่ Facebook จะต้องทำให้ได้ถ้าอยากให้ Metaverse เกิดขึ้นจริง นั่นคือการหากลุ่มผู้ใช้งานวัยรุ่นเพิ่ม ไม่งั้นล่ะก็จะกลายเป็นเหมือนที่แซวกันบ่อย ๆ ว่า จะมีแต่คนแก่เล่น Facebook วัยรุ่น เล่น TikTok ถ้าแก้เกมไม่ทัน นอกจากธุรกิจจะไม่โตแล้ว Metaverse ก็อาจจะไม่ปังเหมือนกับที่ตั้งใจไว้ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก
ขอบคุณภาพจาก