PTT มุมมอง 'กสิกรไทย' แผนการลงทุน 5 ปี
ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย จำกัด ออกบทวิเคราะห์ หุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 43.70 บาท จากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไม่มาก ทำให้ downside ต่อราคาหุ้นในอนาคตจำกัด หากราคาน้ำมันพลิกกลับเป็นขาลง แผนลงทุนใหม่ในช่วง 5 ปี มูลค่า 1.022 แสนลบ. ลดลงจากแผนเดิม 40% พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่สองโครงการคือ GSP#8 และท่อส่งก๊าซ#5 ระยะที่สอง คาดหวังกระแสเงินสดอิสระมากขึ้นเพิ่อใช้ในการลงทุนใหม่และ/หรือเงินปันผลในอนาคต ผลตอบแทนทางการเงินควรดีขึ้นจากการเน้นขยายธุรกิจก๊าซและธุรกิจใหม่
**ลดแผนลงทุน 5 ปี ลง 40%
PTT รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติแผนการลงทุนใหม่ในช่วง 5 ปี (2565-2569) มูลค่า 1.022 แสนลบ. สาหรับบริษัทฯ และบริษัทย่อยที่บริษัทฯ มีการถือหุ้นทั้งหมด นอกจากนี้ ยังอนุมัติงบลงทุนชั่วคราว (Provisional CAPEX) อีก 2.38 แสนลบ. แผนการลงทุนใหม่นี้เป็นการปรับลดจากแผนเดิม (2564-2568) ล ง 40% (-6.8 หมื่นลบ.) แ ล ะ 28% (-9.35 หมื่นลบ .) ตามลำดับ สาเหตุหลักมาจากการไม่รวมงบลงทุนของ OR งบลงทุนที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทฯ ที่แล้วเสร็จในปี 2564 (ซื้อหุ้น GPSC จาก PTTGC และTOP) และท่อส่งก๊าซเส้นที่ 5 ที่แล้เสร็จเช่นเดียวกัน ตลอดจน ความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการ LNG Terminal 2 (SCOD ในปี 2565)
แผนการลงทุนใหม่ในช่วง 5 ปี เน้นที่ธุรกจิ ก๊าซธรรมชาติมากขึ้นประมาณ 82% หรือ มูลค่าประมาณ 8.4 หมื่นลบ. ของแผนการลงทุนใหม่ในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะถูกใช้ไปกับกลุ่มธุรกิจก๊าซ ซึ่งประกอบด้วยการก่อสร้างที่มีการดาเนินการอยู่ ได้แก่ GSP#7 (เพื่อทดแทน GSP#1) LNG Terminal 2 มาบตาพุดระยะที่ 3 ตลอดจนมีการเปิดตัวโครงการ GSP#8 (เพื่อแยกอีเทนและ LPG รวมถึงคลังจัดเก็บและนำเข้าอีเทน) และท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกระยะที่ 2 จากบางปะกง ไปยังโรงไฟฟ้ าพระนครใต้ ทั้งนิ้ งบลงทุนที่เหลืออีก 8% จะใช้ไปกับโครงการแหลมฉบังระยะที่ 3 โครงการลงทุนของ Arun+ (EV value chain) และ Innobic (Pharmaceutical & wellness chain) และการลงทุนอื่นๆในโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และ วังจันทร์ (Wangchan)
**ผลกระทบ
ในมุมมองของฝ่ายวิจัย มีผลกระทบ 3 ประการจากแผนการลงทุนใหม่ในช่วง 5 ปีนี้ 1)กระแสเงินสดอิสระของปตท.สำหรับการควบรวมกิจการ (M&A), การลงทุนใหม่ และ/หรือเงินปันผลจะสูงขึ้น ในอนาคตจาก CAPEX ที่ลดลงในปี 2569-2566, 2) ความพร้อมของอีเทน สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในภาคปิโตรเคมีจะมีมากขึ้น (เป็นผลดีกับ PTTGC ในระยะยาว) แต่สูตรราคาสหรับอีเทนที่นำเข้า ยังคงไม่ชัดเจน, 3) การขยายธุรกิจของ PTT ในธุรกิจก๊าซและธุรกิจใหม่ควรให้ผลตอบแทนทางการเงินที่สูงกว่าโครงการลงทุนของบริษัทย่อยในตลาดหลักทรัพย์ (ธุรกิจปิโตรเลียมดั้งเดิม)
ทั้งนี้ หากพิจารณาเพียงปี 2565-69 แผนการลงทุน 4 ปีจะลดลงเพียงแค่ 3 พันลบ. ซึ่งคิดเป็น upside ต่อมูลค่าหุ้นเพียง 0.1 บาท/หุ้น ดังนั้น จึงคงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายตามวิธี SOTP ของฝ่ายวิจัยตามเดิม ทังนี้ เชื่อว่าราคาหุ้น PTT ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมายังปรับขึ้นไม่มาก ทำให้ downside ของราคาหุ้นในอนาคตค่อนข้างจำกัดหากราคาน้ำมันมีการพลิกกลับเป็นขาลงในปี 2565 โดยปัจจุบัน PTT มีการซื้อขายด้วย PBV ปี 2565 เพียง 1.0 เท่า หรือ 0.5-เท่า SD ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ PTT ด้วยราคาเป้าหมายปลายปี 2565 ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ 43.70 บาท