รีเซต

เอกชนห่วง "เอสเอ็มอี" ไม่ทำประกันค่าเงิน ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

เอกชนห่วง "เอสเอ็มอี" ไม่ทำประกันค่าเงิน ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
TNN ช่อง16
26 ธันวาคม 2568 ( 13:46 )
15

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าว่า การส่งออกปี 2568 คำสั่งซื้อสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ส่งมอบแล้วเหลือเพียงรอชำระเงิน ซึ่งประเด็นสำคัญ อยู่ที่ผู้ส่งออกป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ 



โดยเฉพาะ SME ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ประกันความเสี่ยงค่าเงิน และทำให้เสี่ยงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะค่าเงินอ่อนในช่วงที่เสนอราคาขาย ก่อนทยอยแข็งค่าจาก 36 บาทต่อดอลลาร์ ลงมาถึง 33 บาทต่อดอลลาร์


ทั้งนี้ แม้เมื่อเงินบาทแข็งค่าแล้วผู้ส่งออกควรขึ้นราคา แต่สภาพตลาดปีนี้ การขึ้นราคาแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะกำลังซื้อทั่วโลกชะลอตัว หากปรับราคาจะเสียตลาดทันที ส่งผลให้ผู้ส่งออกยืนราคาเดิมและแบกรับผลขาดทุนจากเงินบาทแข็งขึ้น


ทั้งนี้ช่วง 4 ปีครึ่งที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าในระยะแรกจากปัจจัยพื้นฐานไทย เช่น เศรษฐกิจเติบโตดี การส่งออก การลงทุนและการท่องเที่ยวที่ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดแข็งแกร่งและความต้องการเงินบาทสูงขึ้น ซึ่งเป็นการแข็งค่าตามธรรมชาติ


แต่ปี 2568 เศรษฐกิจไม่แข็งแรงเหมือนเดิม แม้การส่งออกยังเป็นบวกแต่เริ่มชะลอลง และสินค้าที่ขยายตัวได้ดีส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งวัตถุดิบจำนวนมากต้องนำเข้าทำให้ประโยชน์ที่เกิดกับผู้ผลิตในประเทศมีจำกัด ผลกระทบที่ชัดเจนจึงตกอยู่กับผู้ผลิตที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ โดยเฉพาะภาคเกษตรและอาหาร



ขณะที่ช่วงปลายปี การส่งออก อาจไม่ถูกกระทบมากนักในเชิงปริมาณ แต่รายได้เมื่อแปลงเป็นเงินบาทจะลดลง และมีโอกาสขาดทุน


สำหรับแนวโน้มปี 2569 ประเมินว่าสินค้าหลัก โดยเฉพาะกลุ่มเกษต รและอาหารจะผ่านจุดต่ำสุด และไม่แย่กว่าปี 2568 โดยตั้งเป้าเติบโตขั้นต่ำร้อยละ 5 เป็นระดับที่ธุรกิจอยู่รอดได้ 


ขณะที่กลุ่มสินค้าที่มีความต้องการสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ AI มีแนวโน้มเติบโตดี เพราะหลายประเทศต้องการเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง