"รพ.สนามมธ." ชี้ต้องเตรียมตัวพร้อมเฝ้าระวัง หลังคลายล็อกดาวน์ หวั่นระลอก 5 มาแน่แต่ไม่ชัด ต.ค.หรือปลายปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รพ.สนาม มธ.โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุได้รับวัคซีนไฟเซอร์น้อยมาก หวังงวดต่อไปจะได้เพิ่ม
เมื่อวันศุกร์ ที่รพ.ธรรมศาสตร์ เราได้ฉีดไฟเซอร์ให้ผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปีไปได้สองร้อยกว่าคน ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยของ รพ.ธรรมศาสตร์เอง เราฉีดได้ค่อนข้างน้อยเพราะเราได้รับวัคซีนไฟเซอร์มาน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนของโรงพยาบาล
วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม วันที่ 142 ของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ เวฟ3+4และวันที่ 81 ของศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์รังสิต
ตัวเลข 15,972 คน ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เช้าวันนี้ แม้จะดูเยอะอยู่ แต่ก็ลดลงจากเมื่อวานตามที่คาดว่าจะเป็น ทำให้ความคาดหวังที่จะเห็นตัวเลขผู้ป่วยใหม่ลดต่ำกว่าหมื่นห้าพันคนในเช้าวันแรกของเดือนกันยายนมีโอกาสเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 256 ราย จะยังคงน่าหนักใจอยู่เช่นเดิมก็ตาม
ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ก็ลดลงตามนั้นด้วย ผู้ป่วยรวมที่นอนรักษาตัวอยู่ที่นี่คือ 61 รายจากศักยภาพ 100 เตียงที่เรามีเหลืออยู่ แต่ก็ยังคงมีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนในเช้านี้
ผู้ป่วยที่มีผลตรวจ Swab เป็นบวก ที่รายงานเช้านี้คือ 14 คนเท่านั้น ลดจากสามสิบกว่าคนที่เคยเป็นมาทุก ๆ วันไปเป็นอย่างมากทีเดียว สถานการณ์นี้คงเป็นตัวอย่างหนึ่งที่จะนำไปประมวลเป็นภาพรวมของประเทศได้ด้วยว่า เวฟ4 รอบนี้กำลังอยู่ในขาลงชัดเจนแล้ว
อีกสองวันเราจะเริ่มคลายล็อกตามมาตรการของรัฐบาล ด้วยเหตุผลในทางเศรษฐกิจและสังคมที่คงจะหลีกเลี่ยงลำบาก หลังมาตรการนี้คงจะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมที่ทำให้มีการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างผู้คนมากขึ้น ซึ่งก็แน่นอนว่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อจากผู้ป่วยที่มีอาการและไม่ทราบว่าตนเองป่วย มากขึ้นกว่าเดิมประกอบกับการที่เรายังฉีดวัคซีนป้องกันโรคได้ยังไม่มากนัก จนถึงวันนี้ ตัวเลขผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มทั่วประเทศยังอยู่ที่ประมาณ 7.36 ล้านคนเท่านั้น ดังนั้น สถานการณ์ของเวฟ5 จากตัวอย่างที่เกิดขึ้นในหลายประที่จะมาหลังจากนี้ คงเลี่ยงไมได้ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยแน่ ๆ คงต้องเตรียมตัวกันให้ดีทั้งระบบโรงพยาบาล ระบบบริหารบุคลากร ยาและเวชภัณฑ์ ตลดจนการบริหารจัดการเรื่องระบบดูแลผู้ป่วย ซึ่งทุกประเทศในโลกจะมีผู้ป่วยเวฟใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าเท่าตัวไปจนถึง 4-5 เท่าของเวฟก่อนหน้านั้น
เรื่องของเราคงอยู่ตรงที่ว่า เวฟ5 จะมาเมื่อไหร่? ซึ่งเราคาดเดาไม่ได้ชัดเจน อย่างเร็วคงเป็นตุลาคมและอย่างช้าก็คงเป็นปลายปี คงต้องเตรียมตัวกันให้ดีทั้งระบบ รวมทั้งพวกเราที่ธรรมศาสตร์ด้วย เรารับรองว่า เราจะใช้เวลาที่มีอยู่นี้ ช่วยกันเตรียมคน เตรียมยา และเวชภัณฑ์ ตลอดจนเตรียมวอร์ดต่าง ๆ ให้พร้อมมากกว่าที่ทำมาก่อนหน้านี้ เพราะพวกเราที่นี่ เชื่อจริง ๆ ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับเวฟ5 อย่างหนีไม่พ้นแน่นอน
ถ้าเราคลายล็อคในช่วงนี้ และสถานการณ์การระบาดเริ่มลดลงแล้ว การรายงานสถานการณ์รายวันของโควิดจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์และระบบบริการโควิดเสริมของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นที่โรงพยาบาลสนาม ศูนย์รับวัคซีน และโครงการ Home Isolation ก็อาจจะไม่จำต้องรายงานต่อเนื่องทุก ๆ วันเช่นเดิมอีกแล้ว เหมือนกับที่ ศบค.ก็มีการแถลงข่าวสรุปสถานการณ์เพียงสัปดาห์ละสองหนเท่านั้น เดี๋ยววันพรุ่งนี้เราไปหารือกันแล้วจะมาแจ้งว่า เราอาจจะไม่ต้องรายงานสถานการณ์โควิดทุก ๆ วันเหมือนที่ทำมาตลอดห้าเดือนเต็มอีกแล้วนะ
วันนี้ที่ศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์ที่ยิม 4 เรามีคิวนัดมารับ Astra ตลอดวันนี้ ทั้งที่เป็นเข็มแรกและเข็มที่สอง รวมทั้งสิ้น 2,590 ราย และมีผู้มารับวัคซีนรวมทั้งสิ้น 2,189 คน คิดเป็น 84.52% ตัวเลขอัตราส่วนผู้มารับวัคซีนเริ่มสูงขึ้น เป็นใกล้ปกติที่เป็นมาก่อนหน้านี้แล้ว และตั้งแต่วันนี้ไป จำนวนคิวที่ลงทะเบียนไว้แต่ละวันก็จะมากกว่า 2,500 คน ในหลายวันจำนวนคิวก็จะไปมากกว่า 3,000 คน แล้วด้วย โดยเฉพาะตั้งแต่ 4 กันยายน – 13 กันยายน ซึ่งเราย้ายคิวรับวัคซีนของวันที่ 23-27 สิงหาคมมาสมทบ ขอยันยันสำหรับผู้รอคิววัคซีนที่ถูกย้ายมาจาก 23-27 สิงหาคมว่า ท่านจะได้รับวัคซีน Astra ในวันที่ย้ายมาระหว่าง 4-13 กันยายน อย่างแน่นอน โดยจะไม่ถูกขยับเลื่อนคิวออกไปอีก ขอรับรองกับทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง และกรุณาอดใจรอวันนัดอีกเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้นนะ
สำหรับที่โรงพยาบาลสนาม วันนี้มีผู้ป่วยเข้ามาใหม่ไม่มากนัก สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ มีจำนวน 13 ราย และมีผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วกลับบ้านได้ 20 คน ทำให้จำนวนรวมของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสนามเหลืออยู่ที่ 291 คน ตัวเลขนี้ทำให้เรามีความหวังได้มากขึ้นว่า สิ้นเดือนกันยายนนี้ แม้เราจะยังหยุดรับผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ (ที่ถึงตอนนั้นอาจจะใกล้ ๆ หกเดือนเต็มสำหรับเวฟ 3+4 ) ยังไม่ได้ แต่อาจจะมีการลดขนาดโรงพยาบาลสนามลงให้เหลือประมาณ 100-200 เตียงก็เป็นได้นะ
เมื่อวันศุกร์ ที่รพ.ธรรมศาสตร์ เราได้ฉีดไฟเซอร์ให้ผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปีไปได้สองร้อยกว่าคน ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยของ รพ.ธรรมศาสตร์เอง เราฉีดได้ค่อนข้างน้อยเพราะเราได้รับวัคซีนไฟเซอร์มาน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอื่น ๆ แต่ก็หวังว่าในลอตสอง และในวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลสั่งซื้อมาเองในเดือนตุลาคม เราคงจะได้รับไฟเซอร์มาฉีดให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปีให้มากขึ้นด้วยนะ
# รักเธอประเทศไทย