ความอ่อนไหวต่อรายได้ RW>2 ที่ลดลง โบรกแนะซื้อ BCH - ถือ CHG-RJH

#BCH#ทันหุ้น - บล.กสิกรไทยออกบทวิเคราะห์ระบุว่า ผู้บริหาร VIBHA ชี้แจงว่ารพ.วิภาราม ซึ่งเป็นบริษัทร่วมได้บันทึกรายได้รักษาพยาบาลต้นทุนสูง (RW> 2) ที่ 10,000 บาท/RW ในไตรมาส 4/67

สปส.จ่ายค่าบริการ RW>2 ที่ 10,000 บาท/RW สำหรับบริการที่เกิดขึ้นในเดือน ธ.ค.2565 ซึ่งรพ. SSO ได้ปรับลดรายได้ในไตรมาส 4/66

การศึกษาความอ่อนไหวอัตราค่าบริการ RW>2 ในเดือน พ.ย-ธ.ค.66 กรณีลดลงจะทำให้กำไรสุทธิปี 67 ลดลง 1-3% ของ BCH และ CHG และ 5-14% ของ RJH

(RW - Relative Weight ค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ เป็นตัวเลขเปรียบเทียบการใช้ต้นทุนเฉลี่ยในการดูแลรักษาผู้ป่วยของ DRG นั้น ว่าเป็นกี่เท่าของต้นทุนเฉลี่ยของผู้ป่วยทุกกลุ่ม DRG คะแนนน้ำหนักสัมพัทธ์จึงใช้เป็นหน่วยในการคำนวณจ่ายเงินให้แก่โรงพยาบาลได้)

Investment Topics

VIBHA คาดว่ารายได้ RW>2 จะลดลงในปี 2567 ผู้บริหาร VIBHA ชี้แจงว่า รพ.วิภาราม (ถือหุ้นโดย VIBHA 33.8% ได้บันทีกรายได้ค่ารักษาพยาบาลที่มีต้นทุนสูงหรือค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ (RW) >2 ที่ 10,000 บาท/RW สำหรับการบริการที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/2566 ซึ่งต่ำกว่าอัตรามาตรฐานที่ 12,000 บาท/RW ปัจจุบัน รพ.วิภารามได้รับค่าบริการ 12,000 บาท/RW ในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค.2566 แต่ยังไม่ได้รับกรจ่ายเงินงวดเดือน พ.ย.-ธ.ค.2566 ซึ่งยังไม่มีกำหนดการว่าสำนักงานประกันสังคม (สปส.) จะชำระเมื่อใด แต่หากมีการชำระจริง รพ.วิภารามจะปรับปรุงรายได้ในงบการเงินปี 2567 ทั้งนี้ผู้บริหาร VIBHA มองว่าผลกระทบต่อกำไรของ VIBHA จะจำกัด ขณะที่เราได้สอบถาม BCH และ RJH ซึ่งชี้แจงว่ายังคงไม่ได้รับจดหมายชี้แจงเรื่องการจ่ายเงินในประเด็นดังกล่าว

รายได้ RW>2 ลดลงในปี 2566 ในไตรมาส 4/2566 BCH, CHG และ RJH ได้รับจดหมายอย่างเป็นทางการจาก สปส. แจ้งว่าจะจ่ายเงินในอัตรา 10,000 บาท/RW สำหรับบริการโรคต้นทุนสูงที่เกิดขึ้น 1 เดือน ในเดือน ธ.ค.2565 ทำให้ รพ.ประกันสังคมปรับลดรายได้จาก สปส. ลง 10 ลบ. 5 ลบ. และ 12 ล้านบาท ตามลำดับ (แผนภาพ 1) การปรับปรุงดังกล่าวส่งผลกระทบเชิงลบ คิดเป็นสัดส่วนต่อกำไรสุทธิปี 2566 ของ BCH ที่ 0.6%, CHG 0.4% และ RJH 2.3%

การวิเคราะห์ความอ่อนไหว บล.กสิกรไทยประเมินผลกระทบของรายได้ RW>2 ที่จะลดลงในปี 2567 สำหรับบริการ 2 เดือน (เดือน พ.ย. -ธ.ค.2566) โดยอิงจาก 3 กรณี ได้แก่ 10,000 บาท/RW, 8,000 บาท/RW และ 6,000 บาท/RW โดยเราใช้ตัวเลขจริงในไตรมาส 4/2566 เป็นตัวตั้งสะท้อนผลกระทบจากค่ารักษาพยาบาลจำนวน 10,000 บาท/RW เป็นเวลา 1 เดือน การศึกษาของเรา (แผนภาพ 2 แสดงให้เห็นว่าผลกระทบเชิงลบต่อกำไรของ BCH อยู่ที่ 1-3%, CHG ที่ 1-2% และ RJH ที่ 5-14% ทั้งนี้ BCH, CHG และ RJH บันทึกรายได้ RW>2 จากการบริการที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/2566 ที่ 12,000 บาท/RW

Valuation and Recommendation

บล.กสิกรไทยมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล โดยเลือก BCH เป็นหุ้นเด่นของเรา แม้ว่า RJH มีแนวโน้มได้รับผลกระทบมากที่สุดแต่ราคาหุ้นปรับลดลงเพียง 1% ขณะที่เราเห็นว่าราคาหุ้น BCH และ CHG ที่ลดลง 6-8% ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความกังวลมากเกินไป

เกี่ยวกับประเด็นการจ่ายค่าบริการ RW>2 แม้ว่าการชำระเงินสำหรับบริการ RW>2 ยังคงเป็นปัญหาค้างอยู่ แต่ผลกระทบต่อกำไรสุทธิของ รพ.ที่รับคนไข้ประกันสังคมดูเหมือนจะจำกัดสำหรับ BCH และ CHG นอกจากนี้ เราเชื่อว่าการชำระค่าบริการ RW>2 ที่ต่ำกว่าอัตรามาตรฐานสำหรับบริการในปี 2566 น่าจะกระตุ้นให้เกิดการปรับขึ้นอัตราในการคำนวณงบประมาณการรักษาพยาบาลโรคต้นทุนสูง ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 2563 บล.กสิกรไทยแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ BCH และ "ถือ" สำหรับ CHG และ RJH