ทรัมป์เผย "ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ" ฉบับใหม่ ฟื้นความเป็น "ผู้นำ" ในซีกโลกตะวันตก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยแพร่ “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ” ฉบับใหม่ เมื่อวานนี้ (5 ธันวาคม) ที่ระบุว่าสหรัฐฯ จะกลับมายืนยันบทบาทของตนในซีกโลกตะวันตก พร้อมกับการเสริมสร้างกำลังทางทหารในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และอาจประเมินความสัมพันธ์กับทวีปยุโรปใหม่ โดยทรัมป์กล่าวว่ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่นี้มีเป้าหมายที่จะกำหนดบทบาทของสหรัฐฯ ในเวทีโลกขึ้นมาใหม่ด้วย
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่นี้ สามารถอธิบายวิสัยทัศน์ของทรัมป์ถึงความเป็น “สัจนิยมแบบยืดหยุ่น” ที่มองว่าสหรัฐฯ ควรรื้อฟื้น “ลัทธิมอนโร” หรือ Monroe Doctrine จากสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นโยบายต่างประเทศสำคัญของสหรัฐฯ ที่ประกาศให้ “ซีกโลกตะวันตก” เป็นเขตอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา โดยในลัทธิมอนโรยังระบุถึงการห้ามชาติยุโรปเข้ามาแทรกแซงหรือตั้งอาณานิคมใหม่ในทวีปอเมริกา
เช่นเดียวกันสหรัฐฯ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของยุโรป ซึ่งในยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ยังระบุคำเตือนว่ายุโรปกำลังเผชิญ “การลบล้างอารยธรรม” ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทางเพื่อแก้ไข หากต้องการคงสถานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในเอกสารยังระบุชัดเจนว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มองพันธมิตรดั้งเดิมในยุโรปในเชิงลบ นอกจากนี้ยังเตือนว่าในระยะยาว เป็นไปได้มากว่าภายในเวลาไม่กี่ทศวรรษ สมาชิก NATO บางประเทศจะมีประชากรส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ชาวยุโรปที่แท้จริง
รอยเตอร์สรายงานว่าเอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงนี้ เป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดที่สะท้อนการแสดงออกของทรัมป์ที่ต้องการเขย่าระเบียบโลกในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้นำและสร้างขึ้นบนเครือข่ายพันธมิตรและองค์กรพหุภาคี โดยในเอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติที่มีความยาว 29 หน้า ยังระบุด้วยว่านโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ ตั้งอยู่ในความเป็นจริงเชิงปฏิบัติ และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องขับเคลื่อนด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ และสหรัฐฯ จะฟื้นฟูความเป็นผู้นำในซีกโลกตะวันตก ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นสิ่งที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ทุกชุด ต้องเผยแพร่และใช้เป็นแนวทางการทำงานของหน่วยงานรัฐ
ทั้งนี้ นักวิจารณ์ชาวยุโรปบางคนกล่าวว่าเอกสารดังกล่าวคล้ายกับจุดยืนของพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดในยุโรปที่เติบโตขึ้นจนกลายเป็นฝ่ายค้านหลักทั้งในเยอรมนี ฝรั่งเศส และชาติพันธมิตรอื่น ๆ ของสหรัฐฯ โดยที่ตั้งแต่เอกสารนี่ถูกเผยแพร่ออกไป ก็พบว่านักการเมืองและเจ้าหน้าที่ยุโรปบางคน ไม่พอใจกับท่าทีของสหรัฐฯ ท่ามกลางความวิตกกังวลในยุโรปที่กำลังเร่งฟื้นฟูกองทัพ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากรัสเซีย ซึ่งยุโรปเองก็ยังคงพึ่งพาการสนับสนุนทางทหารจากสหรัฐฯ อยู่มากเช่นกัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
