รีเซต

ประชาธิปัตย์ 79 ปี ตั้งอภิสิทธิ์หัวหน้าพรรคคนที่ 10 ฟื้นบทบาทการเมืองไทย

ประชาธิปัตย์ 79 ปี ตั้งอภิสิทธิ์หัวหน้าพรรคคนที่ 10 ฟื้นบทบาทการเมืองไทย
TNN ช่อง16
18 ตุลาคม 2568 ( 12:33 )
8

พรรคเก่าแก่ที่ยืนหยัดตลอด 79 ปี

พรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นพรรคการเมืองที่มีอายุยาวนานที่สุดในประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 6 เมษายน พุทธศักราช 2489 โดยนายควง อภัยวงศ์ และหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช พร้อมนักการเมืองรุ่นแรกในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง พรรคใช้ชื่อ “ประชาธิปัตย์” ซึ่งหมายถึงผู้บำเพ็ญประชาธิปไตย มีสัญลักษณ์พระแม่ธรณีบีบมวยผม และใช้สีฟ้าเป็นสีประจำพรรค

ตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยถูกยุบ และมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคถึงสี่คน ได้แก่ นายควง อภัยวงศ์ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ช่วงเวลากว่าเจ็ดทศวรรษจึงเป็นบทพิสูจน์ถึงความยืดหยุ่นและความต่อเนื่องทางการเมืองของพรรคเก่าแก่ที่ยังคงดำรงอยู่ในทุกยุคสมัย

เส้นทางแห่งความรุ่งเรืองและการถดถอย

พรรคประชาธิปัตย์เคยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 เมื่อนายชวน หลีกภัย ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และยังคงเป็นพรรคหลักของประเทศในช่วงทศวรรษ 2540 แต่เมื่อระบบเลือกตั้งเข้าสู่ยุคพรรคการเมืองขนาดใหญ่ การแข่งขันเชิงนโยบายและพฤติกรรมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้พรรคสูญเสียพื้นที่ทางการเมือง

การเลือกตั้งปี 2562 พรรคได้ที่นั่งเพียง 53 คน และในการเลือกตั้งปี 2566 ลดเหลือเพียง 24 คน ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดในประวัติพรรค เหตุการณ์นี้ทำให้คณะกรรมการบริหารต้องพิจารณาทิศทางใหม่ขององค์กร จนกระทั่งเดือนกันยายน 2568 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคคนที่เก้า ประกาศลาออกด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ

การประชุมใหญ่วิสามัญและการกลับมาของอภิสิทธิ์

วันที่ 18 ตุลาคม 2568 พรรคประชาธิปัตย์จัดประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่หนึ่งประจำปี ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก มีสมาชิกพรรคจากหลายรุ่นเข้าร่วมทั้งจากส่วนกลางและภูมิภาค

นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ อดีตรองหัวหน้าพรรค เป็นผู้เสนอชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้กลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้ง โดยไม่มีผู้ท้าชิง ผลการลงคะแนนแบ่งเป็นสามกลุ่มคือ ส.ส. ร้อยละ 40 อดีต ส.ส. ร้อยละ 40 และสมาชิกสาขาพรรค ร้อยละ 20 ผลออกมาว่าอภิสิทธิ์ได้รับคะแนนสนับสนุนร้อยละ 96.18 นับเป็นมติที่ชัดเจนและได้รับการยอมรับจากสมาชิกในทุกระดับ

ทีมบริหารใหม่กับภารกิจฟื้นพรรค

ภายหลังการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค ได้มีการแต่งตั้งทีมบริหารชุดใหม่เพื่อเตรียมเดินหน้ากลยุทธ์ทางการเมือง โดยมีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประกอบด้วย สกลธี ภัทธิยกุล รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร กรณ์ จาติกวณิช ดูแลด้านเศรษฐกิจ และการดี เลียวไพโรจน์ รับผิดชอบยุทธศาสตร์ด้านสื่อสาร ขณะที่พงศกร ขวัญเมือง ทำหน้าที่โฆษกพรรค

คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ถูกออกแบบให้ผสานประสบการณ์ของนักการเมืองรุ่นเก่ากับพลังของคนรุ่นใหม่ เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้พรรคมีความทันสมัยและเข้าถึงประชาชนในยุคดิจิทัลมากขึ้น เป้าหมายคือการฟื้นฟูฐานเสียงในพื้นที่สำคัญและสร้างแนวทางสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับสังคมปัจจุบัน

นโยบายและทิศทางใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์

หลังได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงแนวทางการทำงานว่าจะนำประชาธิปัตย์กลับมามีบทบาททางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งปรับยุทธศาสตร์สามด้านหลัก คือ ปรับนโยบายเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล ย้ำความโปร่งใสในระบบการเมือง และฟื้นความเชื่อมั่นในพื้นที่ภาคใต้และกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคในอดีต

แนวทางดังกล่าวมุ่งเน้นการทำงานด้วยหลักธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบ และความร่วมมือภายในองค์กร พร้อมเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน เป้าหมายระยะสั้นคือการสร้างเอกภาพภายในพรรค ส่วนเป้าหมายระยะยาวคือการกลับมาเป็นพรรคหลักในระดับนโยบายของประเทศ

จากบทเรียนในอดีตสู่การเริ่มต้นใหม่

เส้นทางของพรรคประชาธิปัตย์ตลอดกว่าเจ็ดทศวรรษแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง พรรคเคยชนะเลือกตั้งและได้จัดตั้งรัฐบาลในปี 2535 และปี 2551 แต่ก็เคยตกต่ำถึงขั้นมีสมาชิกเพียงคนเดียวในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2522 รวมทั้งการเลือกตั้งปี 2566 ที่ได้ที่นั่งน้อยที่สุดในประวัติพรรค เหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นแรงผลักดันให้พรรคต้องกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อให้เข้ากับสังคมที่เปลี่ยนไป

การกลับมาของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี 2568 จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับทิศทางครั้งสำคัญ พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเป้าสร้างสมดุลระหว่างความเป็นสถาบันทางการเมืองที่มั่นคงกับการขับเคลื่อนความคิดใหม่ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและสังคมยุคปัจจุบัน เพื่อยืนยันบทบาทของพรรคเก่าแก่ที่ยังมีพลังและความหมายต่อการเมืองไทย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง