รีเซต

AI เขียนอัลกอริทึมได้ดีกว่าคน? นักวิจัยชาวจีน ชี้ อาวุธไฮเปอร์โซนิก อาจพัฒนาถึง 10 เท่าหากควบคุมด้วย AI

AI เขียนอัลกอริทึมได้ดีกว่าคน? นักวิจัยชาวจีน ชี้ อาวุธไฮเปอร์โซนิก อาจพัฒนาถึง 10 เท่าหากควบคุมด้วย AI
TNN ช่อง16
18 ตุลาคม 2564 ( 21:45 )
296
AI เขียนอัลกอริทึมได้ดีกว่าคน? นักวิจัยชาวจีน ชี้ อาวุธไฮเปอร์โซนิก อาจพัฒนาถึง 10 เท่าหากควบคุมด้วย AI

AI พัฒนาอาวุธได้มากกว่า 10 เท่า


นักวิทยาศาสตร์ขีปนาวุธของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือ PLA ระบุว่า ความแม่นยำของอาวุธความเร็วเหนือเสียง หรือ Hypersonic Weapons สามารถพัฒนาได้มากกว่า 10 เท่า หากการควบคุมนั้น ไม่อยู่ในมือมนุษย์และมอบให้แก่เครื่องจักรแทน


บทความดังกล่าว เผยแพร่ในวารสาร Systems Engineering and Electronics เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเสนอให้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการเขียนซอฟต์แวร์ของอาวุธ “ในทันที” ผ่านอัลกอริทึมการควบคุมการบินที่ไม่เหมือนใคร


ควบคุมการบิน ได้เร็วกว่าเสียง


ศาสตราจารย์ เซียน หยง และหลี่ ปังเจี๋ย กล่าวว่า อาวุธอัจฉริยะจะมีอำนาจตัดสินใจมากขึ้น ทำให้มนุษย์ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หลังกดปุ่มเปิดเครื่อง แต่โดยรวมแล้ว ความแม่นยำของตำแหน่งโจมตี “จะเพิ่มขึ้นหนึ่งถึงสองลำดับ


ขีปนาวุธทั่วไปจะติดตั้งซอฟต์แวร์ระบุตำแหน่ง ซึ่งตั้งค่ามาตั้งแต่ที่โรงงาน แต่ถ้าซอฟต์แวร์ถูกเขียนขึ้นผ่าน AI โดยใช้อัลกอริทึมที่แตกต่างกันสำหรับอาวุธแต่ละชนิด นักวิจัยพบว่า AI จะสามารถจัดการกับความท้าทายในการควบคุมการบินที่เร็วกว่าเสียงถึงห้าเท่าหรือมากกว่านั้น


การที่อาวุธความเร็วเหนือเสียง สามารถโจมตีเป้าหมายได้หลังจากเดินทางเป็นระยะทางหลายร้อยหรือหลายพันกิโลเมตรนั้น ขึ้นอยู่กับว่า ขณะทำการซ้อมรบที่ซับซ้อนระหว่างการบิน มันสามารถระบุตำแหน่งของอาวุธได้อย่างแม่นยำเพียงใด 


ข้อจำกัดที่ยังแก้ไม่ได้


ข้อจำกัดนั้นคือ  จุดที่ความเร็วสูง บางส่วนของเครื่องบินอาจร้อนกว่าพื้นผิวของดวงอาทิตย์เสียอีก และโมเลกุลของอากาศจะแตกตัวเป็นไอออนที่มีประจุไฟฟ้า ก่อตัวเป็นชั้นเคลือบด้วยพลาสมา จึงเปรียบเสมือนคนตาบอดและหูหนวก เนื่องจากไม่สามารถรับสัญญาณ GPS หรือใช้การอ้างอิงอื่น  เช่น สนามแม่เหล็กโลกเพื่อนำทาง ได้เช่นเดิม


สภาวะที่รุนแรงในระยะทางไกล บังคับให้ต้องอาศัยเซ็นเซอร์วัดแรงเฉื่อย เช่น มาตรความเร่งแบบควอตซ์ และไจโรสโคปแบบเลเซอร์ ซึ่งสามารถประมาณตำแหน่งของอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงได้ แม้มีซอฟต์แวร์ควบคุมที่ซับซ้อนและต้องทำการทดสอบภาคพื้นดินอย่างระมัดระวังก็ตาม


นักวิจัย กล่าวว่า การรบกวนทางกายภาพต่อเซ็นเซอร์ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งระหว่างการประกอบการขนส่ง และการบำรุงรักษาตามปกติ อีกทั้งทุกครั้งที่เปิดใช้งาน จะส่งผลต่อฮาร์ดแวร์ ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนจากการตั้งค่าจากโรงงานมากขึ้น


ข้อได้เปรียบของ AI


ทีมงานของเซียนและหลี่ เชื่อว่า การตั้งค่าจากโรงงานควรยกเลิกไป ผ่านการใช้ AI และอาจต้องใช้พลังการประมวลผลจำนวนมาก แต่เทคโนโลยีปัจจุบัน ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้


การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า ระบบที่ใช้ AI สามารถจัดการอาวุธความเร็วเหนือเสียงได้ดีกว่ามาก ด้วยพิกัดที่คลาดเคลื่อนไม่ถึง 10 เมตร


วิธีการนี้ AI จะเริ่มทำงานทันทีหลังจากเปิดระบบ ก่อนที่อาวุธจะไปถึงความเร็วสูงสุด เพื่อคำนวณตำแหน่งโดยใช้สัญญาณจาก GPS หรือ BeiDou ซึ่งเป็นระบบกำหนดตำแหน่งการนำทางของจีน และเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ที่สร้างขึ้นโดยเซ็นเซอร์บนเครื่องบิน เพื่อประเมินสภาพที่แท้จริงของฮาร์ดแวร์


จากข้อมูลใหม่นี้, AI จะสร้างอัลกอริทึมการกำหนดตำแหน่งเฉพาะสำหรับโปรแกรมควบคุมการบินของอาวุธ ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการบินที่มีความเร็วเหนือเสียง


จีนมุ่งเน้นการพัฒนาที่ต่อเนื่อง


นักวิจัย กล่าวว่า ความเร็วของโปรเซสเซอร์ ที่ใช้ในโปรแกรมอาวุธความเร็วเหนือเสียงของจีน ยังคงเป็นความลับ แต่ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์นั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนใช้ AI เพื่อแก้ไขปัญหาด้านอื่น  ของการบินความเร็วเหนือเสียง รวมถึงการควบคุมเครื่องยนต์และการสื่อสาร และแม้ว่า จีนจะจำหน่ายอาวุธความเร็วเหนือเสียงหลายประเภท แต่การใช้งานเทคโนโลยีของพลเรือนยังคงมีความท้าทายไม่เปลี่ยนแปลง


อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หน่วยงานด้านอวกาศของจีนได้ประกาศแผนการสร้างเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก ที่สามารถไปถึงที่ใดก็ได้ในโลกในหนึ่งชั่วโมง ภายในปี 2035 ซึ่งจะต้องมีความเร็วถึง 15 มัค

—————

เรื่องพัชรี จันทร์แรม

ภาพ: Reuters


ข่าวที่เกี่ยวข้อง