รีเซต

ญี่ปุ่นร้อนจัด! ผักผลไม้เสียหายหนักทั่วประเทศ

ญี่ปุ่นร้อนจัด! ผักผลไม้เสียหายหนักทั่วประเทศ
TNN ช่อง16
24 ตุลาคม 2568 ( 09:00 )
9

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ทอดยาวจากเหนือจรดใต้ มีภูมิอากาศหลากหลายตั้งแต่เขตหนาวจัดบนเกาะฮอกไกโด ไปจนถึงภูมิอากาศแบบกึ่งร้อนชื้นในคิวชูและโอกินาวะ ความหลากหลายนี้เคยเป็นข้อได้เปรียบต่อภาคเกษตรกรรม แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในปี 2023 เป็นต้นมา ที่อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดทั้งภาวะร้อนจัดและฝนตกหนักแบบสุดขั้ว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิตและคุณภาพของพืชผลทางการเกษตรทั่วประเทศ

 

อุณหภูมิในฤดูร้อนของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทุกปี โดยมีจำนวนวันที่อุณหภูมิเกิน 35 องศาเซลเซียสมากขึ้น ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการที่ “ความกดอากาศสูงจากแปซิฟิก” มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ญี่ปุ่นมีอากาศร้อนและแห้งยาวนาน ส่งผลให้ฤดูร้อนลากยาวไปถึงฤดูใบไม้ร่วง แม้ในฤดูหนาวยังคงมีคลื่นความหนาวอยู่บ้าง แต่แนวโน้มโดยรวมคืออุณหภูมิของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากอากาศร้อนจัดแล้ว ความชื้นในอากาศที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ฝนตกหนักบ่อยครั้ง เกิดน้ำท่วมและความเสียหายจากน้ำหลาก แต่ในขณะเดียวกันกลับมีวันฝนน้อยลง ซึ่งหมายถึงความเสี่ยงจากภัยแล้งก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ญี่ปุ่นจึงกำลังเข้าสู่สภาพภูมิอากาศที่ “สุดขั้ว” ทั้งร้อนจัดและฝนตกหนักในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

 

ข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวญี่ปุ่นได้รับผลกระทบมากที่สุดจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น หากอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วง 20 วันหลังออกดอกเกิน 26–27 องศาเซลเซียส เมล็ดข้าวจะเกิดลักษณะขาวขุ่นและไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้คุณภาพและมูลค่าทางการค้าลดลงอย่างมาก ข้าวพันธุ์พรีเมียม เช่น Koshihikari ในจังหวัดนิอิกาตะ และ Tsuyahime ในจังหวัดยามางาตะ ได้รับความเสียหายหนักในปี 2023

 

หากอุณหภูมิสูงถึง 35 องศาเซลเซียสในช่วงข้าวออกดอก การผสมเกสรจะล้มเหลว ทำให้เกิดเมล็ดลีบหรือข้าวไม่ติดรวง ซึ่งพบมากในเกาะคิวชูในปี 2024 แม้แต่ในฮอกไกโดซึ่งเคยได้รับอานิสงส์จากอากาศอุ่น ข้าวพันธุ์ Yumepirika ที่ขึ้นชื่อด้านคุณภาพก็เริ่มเสื่อมลง ขณะเดียวกันพืชหลักอื่นอย่างข้าวสาลี มันฝรั่ง และบีตรูตน้ำตาลก็ให้ผลผลิตลดลงจากทั้งความร้อนและฝนที่ตกยาวนาน

 

ผลผลิตผักและผลไม้ทั่วประเทศได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนในปี 2023–2024 มะเขือเทศและมะเขือม่วงเกิดอาการไหม้แดด ผักใบและผักรากเติบโตเร็วในช่วงฤดูหนาวแต่หยุดโตในฤดูร้อนที่ร้อนจัด ทำให้ผลผลิตลดลง สตรอว์เบอร์รีซึ่งนิยมเก็บเกี่ยวช่วงคริสต์มาสกลับออกดอกช้า ส่งผลให้ไม่ทันช่วงขายสำคัญ ขณะที่แอปเปิล องุ่น และส้ม มีปัญหาผลไหม้และสีไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะแอปเปิลที่เสียหายถึง 30% ของผลผลิตบางพื้นที่

ด้านปศุสัตว์ โคนม หมู และไก่ต่างได้รับผลกระทบจากความร้อนสูง ทำให้การให้นม การเจริญเติบโต และการสืบพันธุ์ลดลง นอกจากนี้ พืชอาหารสัตว์อย่างหญ้าเลี้ยงสัตว์และข้าวโพดยังเปลี่ยนคุณภาพ และสัตว์ป่าที่ปรับตัวต่ออากาศอบอุ่น เช่น กวาง หมูป่า และหมี ก็เริ่มรุกล้ำพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น สร้างความเสียหายแก่พืชอาหารสัตว์ในวงกว้าง

 

เกษตรกรทั่วญี่ปุ่นจึงเร่งหาวิธีรับมือกับภาวะโลกร้อน เช่น

  • ปรับช่วงเวลาปลูกข้าวและการให้น้ำปุ๋ยเพื่อป้องกันเมล็ดขาวขุ่น
  • พัฒนาพันธุ์ข้าวทนร้อน
  • ขยายพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองและข้าวสาลีไปทางเหนือ โดยเฉพาะในฮอกไกโดตอนบน
  • เปลี่ยนสายพันธุ์ผักและผลไม้ให้เหมาะกับภูมิอากาศใหม่ เช่น มันเทศและถั่วลิสงพันธุ์ทนร้อน
  • พัฒนาโรงเรือนระบบควบคุมอุณหภูมิเพื่อลดผลกระทบจากความร้อน

เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะให้ผลผลิต เช่น แอปเปิลหรือองุ่น ก็ปรับตัวโดยปลูกหลายสายพันธุ์และกระจายช่วงเก็บเกี่ยวเพื่อกระจายความเสี่ยง

 

การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศยังทำให้เกิด “แหล่งผลิตใหม่” เช่น จังหวัดอากิตะ ซึ่งเริ่มปลูกพีชแทนแอปเปิล จนกลายเป็นพื้นที่ปลูกพีชตอนเหนือสุดของญี่ปุ่น ส่วนเกษตรกรในภาคตะวันตกเริ่มเปลี่ยนจากส้มแมนดารินไปสู่ผลไม้เขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เช่น มะม่วงหรือเสาวรส ขณะที่การปลูกองุ่นทำไวน์ย้ายขึ้นไปในพื้นที่สูงหรือไปยังฮอกไกโด ซึ่งแม้แต่วิทยาเขตผลิตไวน์ชื่อดังจากแคว้นเบอร์กันดีของฝรั่งเศสยังมาลงทุนเปิดไร่ในพื้นที่นี้ ถือเป็นตัวอย่างของการย้ายฐานการผลิตทางการเกษตรระหว่างประเทศเพื่อต่อภาวะโลกร้อน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง