สรุปการประชุมผู้นำ APEC 2022
จบไปอย่างสวยงามสำหรับการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค 2022
ถือว่าการประชุมครั้งนี้เป็นที่ประจักษ์ต่อทั่วโลกที่ไทยได้แสดงศักยภาพว่ามีความพร้อมในการจัดงานระดับโลก
รองรับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลก
การประชุมครั้งนี้นอกจาก 21 เขตเศรษฐกิจที่มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ยังมีแขกพิเศษที่เข้าร่วมการประชุมคือ
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส
ที่ไม่ได้มาเป็นแขกพิเศษเพียงยังเดียว
แต่ยังสวมบทบาทนักท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเอง
จนทำให้เป็นสนใจกับคนไทยที่พบเจอ
และเจ้าชายมูฮฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
โดยนาย “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ต้องถือว่าเป็นที่จับตามากที่สุดในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค
จากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้
จากวิสัยทัศน์ของเขาในแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร ได้ประกาศต่อต้าน
“ทัศนคติเรื่องสงครามเย็น ความเป็นเจ้าโลก การตัดสินใจแบบฝ่ายเดียว
และการกีดกันทางการค้าเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง”
“เอเชียแปซิฟิกไม่ใช่สนามหลังบ้านของใคร และไม่ควรเป็นเวทีแข่งขันของมหาอำนาจ เราจะไม่ยอมให้มีความพยายามก่อสงครามเย็นในยุคสมัยของเรา”
“ความพยายามแทรกแซงหรือบั่นทอนซัพพลายเชนอุตสาหกรรม... รังแต่จะทำให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก เดินหน้าไปสู่ทางตัน”
และได้โชว์วิสัยทัศน์ที่ทันสมัยอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ
นายกรัฐมนตรีของไทย และผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคได้รับรองปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ค.ศ. 2022
ซึ่งการทำงานของเอเปค 2022 ตลอดทั้งปี
ที่มีแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว
หรือแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อน
ภายใต้หัวข้อหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล”
1. “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์” เอเปคได้เดินหน้าสานต่อการหารือเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก
ผลงานที่เป็นรูปธรรม คือ จัดทำแผนงานต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิก
และเตรียมความพร้อมในการรับมือกับประเด็นการค้าการลงทุนใหม่ ๆ
2. “เชื่อมโยงกัน” เอเปคได้ฟื้นฟูการเดินทางข้ามแดนระหว่างกันอย่างปลอดภัย
และไร้รอยต่อ เพื่อสร้างความพร้อมรับมือวิกฤติใหม่ในอนาคต
3. “สู่สมดุล” ผู้นำเอเปคทุกคนได้ร่วมกันรับรอง “เป้าหมายกรุงเทพฯ
ว่าด้วยเศรษฐกิจบีซีจี” วางรากฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
อย่างครอบคลุม ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ
โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า การเป็นเจ้าภาพเอเปคปี 2565 ของไทยได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
ผมได้ส่งมอบหน้าที่นี้แก่สหรัฐอเมริกาที่จะเป็นเจ้าภาพเอเปคในปี 2566
เชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะสานต่อการส่งเสริม การเติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก.
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ได้มอบ “ชะลอม” เป็นสัญลักษณ์ ส่งไม้ต่อให้กับสหรัฐอเมริกาทำหน้าที่เป็นประธานเอเปค ในปี 2023
โดย “ชะลอม” สะท้อนการทำงานของเอเปคได้เป็นอย่างดี
ทั้งการผสานความเข้มแข็งที่หลากหลายและความพยายามของเขตเศรษฐกิจสมาชิกเข้าด้วยกัน
เพื่อสร้างภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกที่เข้มแข็ง ยืดหยุ่น ครอบคลุม และยั่งยืน
สำหรับชนรุ่นหลังของเรา โดยไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ
เพื่อขับเคลื่อนงานของ APEC ต่อไปอย่างไร้รอยต่อ และแสดงความมั่นใจว่าประเด็นด้านความยั่งยืนและครอบคลุม
ซึ่งระบุในเป้าหมายกรุงเทพฯ ที่ได้ร่วมกันวางรากฐานไว้เป็นอย่างดีนั้นจะได้รับการสานต่อในปีหน้า
ภายใต้หัวข้อหลักในการเป็นเจ้าภาพ APEC ของสหรัฐฯ และเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของสหรัฐฯ APEC จะได้รับการส่งเสริมเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ เอเปคยังไม่ได้เป็นเวทีหารือผู้นำจาก 21 เขตเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว การประชุมครั้งนี้ยังเป็นพื้นที่สำหรับการหารือระดับทวิภาคีของไทยและประเทศต่างๆ ไปด้วย