ILMเพิ่มสาขาเร่งโต2หลัก หัวเมืองใหญ่ยอดขายพุ่ง
ILM ลุยขยายสาขา Q3-Q4 ปลื้มยอดขายหัวเมืองใหญ่โตแรงต่อเนื่อง ย้ำเป้าผลงานโต2หลัก จากปี 2565 มีรายได้รวม 9,009.0 ล้านบาท เดินหน้าขยายสาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพิ่ม
นายเอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด มหาชน หรือ ILM เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเริ่มเห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นของยอดขายในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ อาทิ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น บางสาขายอดขายเริ่มกลับมาเติบโตมากกว่าก่อนการเกิดสถานการณ์โควิด-19 ส่วนสาขาในกรุงเทพฯ ก็มีการเติบโตเนื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งผลักดันให้เติบโตได้ทั้งกลุ่มเฟอร์นิเจอร์เเละของตกเเต่งบ้าน
มั่นใจผลงานโตตามเป้า
โดยบริษัทยังย้ำเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตเป็น2หลัก (Double-Digit Growth) จากปี 2565 มีรายได้รวม 9,009.0 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 659.1 ล้านบาท โดยกำไรปี 2565 สูงสุดนับจากก่อตั้งบริษัท ซึ่งในปีนี้บริษัทยังมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่(Rental Income) คาดว่าจะเติบโต Double-Digit Growth เช่นเดียวกัน
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) คาดว่าจะเติบโตขึ้น 0.50% จากปีก่อนที่ ประกอบกับบริษัทมีโครงการที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ราว 600 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีงานใหม่เข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการประมูลงานต่อเนื่องมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท
ลุยขยายสาขา Q3-Q4
สำหรับการขยายสาขาเพิ่ม ในช่วงไตรมาสที่ 3/2566 บริษัทมีแผนเปิดสาขาคอมมูนิตี้มอลล์ ลิตเติ้ล วอล์ค สาขากรุงเทพกรีฑา รวมถึงเตรียมขยายอีก 1-2 สาขาต่อปี ทั้งสาขาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เเละสาขาอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ในต่างจังหวัด ได้เเก่ สาขาสระบุรี ที่จะเปิดในช่วงไตรมาส 1/2567
ส่วนที่บริษัทเข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แฟลซ เอ็กซ์เพรส จำกัด หรือ แฟลซ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์จัดส่งพัสดุชั้นนำของไทย ด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน หรือ JV มีทุนจดทะเบียนจัดตั้ง 50 ล้านบาท โดย ILM ถือหุ้น 51%และแฟลซ ถือหุ้น 49%เพื่อให้บริการขนส่ง และประกอบติดตั้งสินค้า โดยบริษัทมีแผนจะดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนให้แล้วเสร็จ และคาดว่าสามารถดำเนินงานได้ภายในไตรมาส 3/2566
ไตรมาสแรกโตเด่น
ขณะที่ผลการดำเนินการไตรมาส 1/2566 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 2,212.5 ล้านบาท เติบโต 2.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 174.3 ล้านบาท เติบโต 8.5% เทียบกันช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นกำไรไตรมาส 1 ที่ดีที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดขายร้านค้าปลีก โดยเฉพาะสาขาในกลุ่มเมืองท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงแรงสนับสนุนจากมาตรการช้อปดีมีคืน ยอดขายของ Index Living Mall สาขาลาดกระบัง ซึ่งเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา และการเติบโตของยอดขายออนไลน์
โดยในช่วง 6 ไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องนับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 จนถึงไตรมาส 1/2566 โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากการเติบโตของยอดขาย และรายได้จากการให้เช่าและบริการ รวมถึงความสามารถในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ต้นทุนการผลิตและต้นทุนพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา