AGEเริ่มบุ๊ครายได้โซลาร์Q3 โลจิสติกส์พุ่งเท่าตัว-ย้ายSET
ทันหุ้น - สู้โควิด – AGE ทยอยรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ เข้าในไตรมาส 3-4 นี้ แย้มอยู่ระหว่างดีลขายไอน้ำ-โซลาร์ กับเอกชนหลายแห่งคาดชัดเจนปีหน้า ส่วนยอดขายถ่านหินครึ่งปีหลังพุ่งขึ้น พร้อมรุกหนักโลจิสติกส์ขยายตัวเพิ่มขึ้นเท่าตัว 10% จากเดิม 5% ส่งซิกเตรียมย้ายเข้าเทรดกระดาน SET เร็วๆ นี้ ฟากโบรกเคาะเป้าไกล 1.78 บาท
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดหาและจัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยว่า เตรียมรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ช่วงไตรมาส 3/63 หรือต้นไตรมาส 4/63 นี้ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาขายไอน้ำ โรงไฟฟ้าโซลาร์ กับบริษัทเอกชนหลายแห่ง ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีหน้า โดยบริษัทมีศักยภาพและความสามารถถึง 100 เมกะวัตต์ ทั้งการขายไฟและไอน้ำ
ยอดขายถ่านหินพุ่ง
สำหรับธุรกิจถ่านหินในไตรมาส 3/63 เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ส่วนไตรมาส 4/63 มียอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถาการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ โดยตั้งเป้ายอดขายถ่านหินทั้งปีไว้ที่ระดับ 3.5 ล้านตัน
“เรามั่นใจยอดขายถ่านหินในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 3.5 ล้านตัน แต่ในส่วนของราคาถ่านหินอาจจะลดลงไป เพราะในปีนี้ราคาถ่านหินไม่หวือหวามากนัก ซึ่งขึ้นอยู่กับตลาดโลก โดยเฉพาะจีน แต่ถ่านหินที่เอเชียและประเทศรอบบ้านเราโตหมด แม้ราคาลงเราก็ไม่กระทบมากเพราะสต็อคแค่ 3 เดือน และยังเน้นไปทางโลจิสติกส์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรือ ท่าเรือ คลังสินค้า รถบรรทุก ซึ่งรองรับสินค้าอื่นด้วย” นายพนม กล่าว
รุกหนักโลจิสติกส์
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจโลจิสติกส์มากขึ้น ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในสัดส่วน 10% จากเดิม 5% โดยปีหน้าคาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 15% เนื่องจากมีทิศทางเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนเรือให้บริการอยู่ที่ 36 ลำ และมีรถบรรทุกครบทั้งหมด 51 คัน พร้อมให้บริการลูกค้าเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า บริษัทเตรียมย้ายหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเข้าไปทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งบริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วน ตอนนี้อยู่ระหว่างรอขั้นตอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง AGE ว่า มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังปี 63 บริษัทยังคงต้องเผชิญกับอุปสงค์ถ่านหินที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19รวมถึงลูกค้าในกลุ่มปูนซิเมนต์บางรายมีแผนการซ่อมบำรุงโรงงานในไตรมาส 3/63 จึงยังมองว่าการเติบโตของปริมาณการขายจะยังอ่อนแอต่อเนื่องจากไตรมาส 2/63 ซึ่ง ลดลง23%YoY สำหรับด้านต่างประเทศ มองว่าการเติบโตของปริมาณขายจะคงเด่นต่อเนื่องจากไตรมาส 2/63 เพิ่มขึ้น 561%YoY จากความต้องการที่สูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ที่เปิดดำเนินงานในปี 2563
ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
อย่างไรก็ดีคาดว่าบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดของผลดำเนินงานของปี 2563 ในไตรมาส 2/63 เชื่อว่าการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในระดับสูง (-16.9ล้านบาท) มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง นอกจากนี้มองว่าปริมาณขายถ่านหินจะค่อยๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 3/63 และไตรมาส 4/63 ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ถ่านหินภายในประเทศ
ทางฝ่ายชื่นชอบการลงทุนในธุรกิจพลังงานในโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และธุรกิจการขายไอน้ำทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการขยายกองเรือ เรามองว่าเป็นการเติบโตไปกับธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำซึ่งมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ จะช่วยลดความผันผวนของผลประกอบการในช่วงที่ธุรกิจหลักมีความผันผวนสูงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถูกกระทบจาก COVID-19 ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ขนาด 5MW จะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/63
ประเมินราคาเหมาะสม ปี 64 อิง PBV0.93 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยซื้อขายย้อนหลัง 5 ปี ที่ 1.78 บาท หรือเทียบเป็น PER 10.47 เท่า ของประมาณการณ์ปี 21 ให้คำแนะนำ "ซื้อ"