สมศักดิ์ชี้แจงยับยั้งโทษแพทย์ 3 ราย ชี้ไร้หลักฐานใหม่-กระทบความยุติธรรม

วันที่ 12 มิถุนายน 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ “สภานายกพิเศษ” ได้ชี้แจงต่อแพทยสภาเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 เพื่อยับยั้งมติลงโทษแพทย์ 3 รายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาอดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างการควบคุมตัว
ในเอกสารชี้แจงระบุว่า การพิจารณาให้ความเห็นต่อมติลงโทษแพทย์ต้องตั้งอยู่บนหลักการสำคัญ คือการรักษาจริยธรรมทางวิชาชีพแพทย์ และต้องตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่เพียงความคิดเห็นส่วนตัวหรือแรงกดดันทางการเมือง
เขาระบุว่าผลสอบสวนจากคณะอนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจ ซึ่งใช้เวลาดำเนินการ 5 เดือน 5 วัน พบว่าแพทย์แต่ละรายมีระดับความผิดที่แตกต่างกัน โดยบางรายไม่ควรถูกลโทษ บางรายสมควรถูกภาคทัณฑ์หรือตักเตือนเท่านั้น
สภาวิจารณ์ “พลิกผลสอบ” ไร้พยานใหม่
สมศักดิ์ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ผลสอบชั้นต้นจะชี้ชัดเจน แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ กลับมีมติที่ “กลับพลิกผลสอบ” โดยไม่มีหลักฐานหรือพยานใหม่เพิ่มเติม เขาจึงตั้งคำถามว่าเหตุใดมติดังกล่าวจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งที่กระบวนการก่อนหน้าไม่พบเหตุร้ายแรงใหม่
เขายังระบุว่า ได้ทำหนังสือขอข้อมูลเพิ่มเติมจากคณะอนุกรรมการฯ ถึง 2 ครั้ง แต่ได้รับคำตอบว่า “ส่งข้อมูลครบแล้ว” ซึ่งอาจกระทบต่อดุลยพินิจที่รอบด้านและเป็นธรรม
แจกแจงกรณีแพทย์รายบุคคล
ในเอกสารยังแจกแจงกรณีของแพทย์ทั้ง 4 รายโดยไม่ระบุชื่อโดยตรง แต่ระบุพฤติกรรมและข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งความเห็นจากกรรมการผู้ร่วมสอบสวน เช่น
• กรณีแพทย์ออกใบส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ
• กรณีให้สัมภาษณ์อธิบายอาการว่า “ความดันยังสูง” หรือ “ยังมีอาการน่าเป็นห่วง”
• กรณีแพทย์เจ้าของไข้เขียนแสดงความเห็นไม่ตรงกันกับการอนุญาตให้พักรักษาในโรงพยาบาล
โดยในทุกกรณี นายสมศักดิ์ชี้ว่า ไม่พบการกระทำที่เจตนาทุจริตหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง และไม่เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง
ห่วงกระทบระบบราชทัณฑ์-สิทธิมนุษยชน
นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งเปิดทางให้ควบคุมผู้ต้องขังนอกเรือนจำ เช่น House Arrest ว่าเป็นแนวทางที่อิงหลักสิทธิมนุษยชน และถูกใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หากการลงโทษแพทย์ในกรณีนี้ถูกมองว่าไม่ชอบธรรม อาจกระทบต่อระบบการดูแลผู้ต้องขังป่วยในอนาคต
ฝากคำถามถึงแพทยสภา
ในช่วงท้าย เขาฝากคำถามถึงคณะกรรมการแพทยสภาว่า
• หากแพทย์ต้องเลือกระหว่าง “ช่วยชีวิตคนไข้โดยใช้ดุลยพินิจ” กับ “ความกลัวถูกลงโทษ” อะไรควรมาเป็นหลัก?
• มติในวันนี้จะกลายเป็นมาตรฐานในอีก 5–10 ปีหรือไม่?
• หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำ จะยังใช้ดุลยพินิจอย่างกล้าหาญได้อีกหรือไม่?
• ความเมตตาในกระบวนการยุติธรรมเป็นเพียงความอ่อนแอ หรือคือความยุติธรรมในรูปแบบสูงสุด?
นายสมศักดิ์กล่าวย้ำว่า การยับยั้งมติครั้งนี้ไม่ใช่การลบล้างกระบวนการ แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบ และป้องกันไม่ให้ระบบถูกตั้งคำถามในภายหลังว่า “ลงโทษแพทย์ที่ทำตามหน้าที่หรือไม่?”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
