ไลน์ผลิตรถยนต์สะดุด ! ขาดแคลนชิป
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.65) อยู่ที่ 606,055 คัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.40% และมีมูลค่าการส่งออก 368,002.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.18 % หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยเดือน ส.ค.65 มียอดส่งออก 73,325 คัน เพิ่มขึ้น 23.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนสิงหาคม 2565 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 71,502.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 26.04 %
ขณะที่จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือน ส.ค.65 มีทั้งสิ้น 171,731 คัน เพิ่มขึ้น 64.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากฐานต่ำเพราะมีการล็อกดาวน์ในช่วงกลางเดือน ก.ค.-ส.ค.64 แต่เพิ่มขึ้น 20.13% จากเดือนก.ค. เพราะมีการผลิตรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ขายในประเทศและผลิตรถกระบะและรถพีพีวีเพื่อขายในประเทศและส่งออกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 1,184,800 คัน เพิ่มขึ้น 10.53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และทั้งปีเป้าการผลิตได้ตามเป้า 1.75 ล้านคัน แต่ยังมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์อาจกระทบต่อยอดการผลิตรถยนต์
ทั้งนี้แบ่งเป็นการส่งออก 9 แสนคัน หากช่วงที่เหลือของปีนี้มียอดเท่ากับเดือนส.ค. อยางไรก็ตาม ปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากเป็นรถพีพีวีและรถกระบะที่มีมูลค่าสูงกว่ารถอีโคคาร์ ส่วนที่เหลือ 8.5 แสนคันเป็นยอดขายในประเทศ
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน ส.ค.อยู่ที่ 68,208 คัน เพิ่มขึ้น 61.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะฐานต่ำจากการล็อกดาวน์ในช่วงกลางเดือน ก.ค.-ม.ค.64 เช่นกัน และปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.52% จากเดือน ก.ค.65 เพราะมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และการได้รับชิ้นส่วนมากขึ้นในรถยนต์บางรุ่น
รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้นจากการผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างประเทศเข้าประเทศสะดวกขึ้น และการส่งออกที่ยังเติบโต การจ้างงานเพิ่มขึ้น เกษตรกรและประชาชนมีรายได้ดีขึ้น
สำหรับในเดือนส.ค. 65 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 2,304 คัน เพิ่มขึ้น 391.26% จากเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว, ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่ 5,828 คัน เพิ่มขึ้น 102.01% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่ 987 คัน เพิ่มขึ้น 52.31% จากส.ค.ปีก่อน โดยยานยนต์ไฟฟ้ามีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากบอร์ดอีวีได้อนุมัติมาตรการสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม ภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้น่าจะมีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากมีหลายปัจจัยบวก ได้แก่ การแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่, การผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และเตรียมปรับให้เป็นโรคเฝ้าระวัง, การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ, การประกันราคาสินค้าเกษตร, การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ส่วนปัญหาการยึดรถนั้นยังมีปริมาณไม่สูงมากนักหากเทียบกับยอดขาย
ที่มา สอท.
ภาพประกอบ AFP