SENA ทุ่มกว่า 1,254 ลบ. ปิด 4 บิ๊กดีลใหญ่ปี’64
ทันหุ้น-SENA พลิกกลยุทธ์ใช้ศักยภาพการเงินเข้มแข็งและบุคลากรที่มีความพร้อมมองโอกาสใหม่ภายใต้แนวคิด “SENA Strong” ทุ่มเงิน 1,254 ล้านบาท ปิด 4 บิ๊กดีลปี 2564 ลุยซื้อหุ้นและกิจการ คว้าโอกาสเข้าลงทุนโครงการที่มีศักยภาพ ทำเลดี มั่นใจการลงทุนคุ้มค่า สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว รับสัญญาณฟื้นตัวตลาดอสังหาฯปี 65 เล็งเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ผ่านแบรนด์ “เฟล็กซี่ (FLEXI)” หลังเทคโอเวอร์ 3 คอนโดฯ ล่าสุดลุยศึกษาซื้อหุ้น JSP เพิ่มเติมหลังถือแล้ว 24.16%
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำทั้งแนวราบและแนวสูง เปิดเผยว่า ปี 2564 เสนาสร้างโอกาสให้กับธุรกิจผ่านการเข้าลงทุนซื้อกิจการ ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพรวมแล้ว 4 ดีล คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 1,254 ล้านบาท เพื่อสร้างผลตอบแทนและขยายการเติบโตของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากเห็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจไทยหลังจากการเปิดประเทศและไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีมาตรการผ่อนคลายมาตรการแอลทีวี(LTV)เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาฯ เหล่านี้จะเอื้อต่อการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
“เสนาเล็งเห็นว่าโครงการหลายแห่งประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องไปต่อไม่ได้ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่หลายโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้างและอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ เราเห็นโอกาสตรงนี้ จึงเข้าไปซื้อกิจการ ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลาและต้นทุน สามารถรับรู้รายได้ได้เร็ว เพราะบางโครงการมาพร้อมกับลูกค้าเก่าที่เตรียมพร้อมโอนแล้ว แต่ที่ผ่านมาอาจติดเรื่องเงินทุนหมุนเวียนเท่านั้น ดังนั้นเราจึงกล้าตัดสินใจในช่วงที่คนอื่นยังกลัวๆ จะได้ของมีคุณภาพอย่างคุ้มค่าที่สุด เพราะช่วงวิกฤตคือเวลาที่ดีที่สุดของการลงทุนสำหรับคนพื้นฐานแข็งแกร่งทั้งด้านการเงินและบุคลากร และการลงทุนซื้อธุรกิจคุณภาพดี แต่เจ้าของเดิมขาดสภาพคล่อง คือการเข้าไปเติมเต็มทั้งทรัพย์สินขององค์กรเรา และขับเคลื่อนให้ธุรกิจนั้นไปต่อได้”ดร.เกษรากล่าว
สำหรับการเข้าซื้อหุ้นและกิจการทั้ง 4 ดีล โดยดีลล่าสุดคือ การเข้าซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP จำนวน 1,014,600,000 หุ้น ซึ่งคิดเป็น 24.16% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของ JSP ในราคา 0.50บาทต่อหุ้นหรือคิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า507ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นรายเดิมเพื่อขยายการลงทุนในธุรกิอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ รวมทั้งต่อยอดและสนับสนุนโครงการพัฒนาอสังหาฯ ซึ่งบริษัท JSP เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาฯ โครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมเพื่อการขายและเช่า ภายใต้แบรนด์ เจซิตี้, เจวิลล่า, เจทาวน์ รวมถึงมีโครงการเชิงพาณิชย์ เช่น ตลาดไมอามี บางปู, ตลาดสำเพ็ง 2 ปาร์ค ถ.กัลปพฤกษ์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในขั้นตอนการซื้อกิจการ ของ JSP เสนาฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนเพิ่มเติม โดยจะดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของ ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและหรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ก่อนหน้านี้เสนา ได้เข้าซื้อกิจการจาก บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด ในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้ว มูลค่า 385 ล้านบาท ทำให้ บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของเสนาฯ ซึ่งบริษัท ภัทรนันท์ เป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ 1 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “ไฮป์ สาทร-ธนบุรี” ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ มีขนาด 8 ชั้น 5 อาคาร 914 ยูนิต บนที่ดินประมาณ 7 ไร่ ทั้งนี้เพื่อให้การบริหารเกิดความคล่องตัว และเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ได้เปลี่ยนชื่อให้อยู่ภายใต้“เฟล็กซี่ (FLEXI)” สาทร-เจริญนคร เตรียมลงทุนเพื่อพัฒนาใน เฟส 2 ปี 2565 หลังจากที่มีการโอนกรรมสิทธิ์เฟส 1 ในเดือนธันวาคม ปี 2564
นอกจากนี้ ยังได้เข้าซื้อโครงการจากผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเข้าไปซื้อโครงการคอนโดมิเนียมจาก บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ "ABC" ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยโครงการดังกล่าว พัฒนาภายใต้แบรนด์ “เฟล็กซี่ (FLEXI)” ด้วยเช่นกัน เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ระดับราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท รวมทั้งการเข้าซื้อโครงการ เฟรช เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ จากบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนแบรนด์เป็น “เฟล็กซี่ (FLEXI)” อีก 1 โครงการ โดยมีแผนเปิดโครงการใน ปี 2565
ทั้งนี้การพัฒนาอสังหาฯ ภายใต้แบรนด์ใหม่ “เฟล็กซี่ (FLEXI)” เป็นแบรนด์ที่วางกลยุทธ์การทำตลาด เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y & Gen Z เน้นความหลากหลายในการใช้ชีวิต สามารถปรับเปลี่ยนตัวเอง และพร้อมยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา “เฟล็กซี่ (FLEXI)” ถูกนำมาปรับใช้พร้อมกับนำแนวคิด Made From Her การสร้างที่อยู่อาศัยจากความใส่ใจ และเก็บทุกรายละเอียดในการอยู่อาศัยมาพัฒนาโปรดักส์และการบริการ เพื่อให้ลูกค้าของเสนาได้รับสินค้าและการบริการที่ดีที่สุด ทั้งฟังก์ชันของเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ รวมถึงบริการหลังการขายผ่าน SENA 360 Application แอปเดียวที่ช่วยแจ้งซ่อม ซื้อ-ขาย ฝาก เช่า และที่สำคัญลูกบ้านของเสนาทุกโครงการสามารถใช้แอปตรวจสอบการใช้งานโซลาร์ได้ด้วยตัวเองแบบเรียลไทม์
ดร.เกษรากล่าวว่า แนวทางดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์ใหม่ของเสนา ภายใต้แนวคิด “SENA Strong” ให้สอดรับกับสถานการณ์และกำลังซื้อในปัจจุบัน เพื่อเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจจากเดิมที่ผ่านมามุ่งเน้นซื้อที่ดินเปล่ามาพัฒนาเอง มาเป็นการซื้อกิจการที่เน้นการลงทุนอย่างรอบคอบ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เห็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว