EURO เจาะกลุ่มลักซ์ชัวรี บ้านหรูหนุนยอดซื้อบูม
#EURO #ทันหุ้น – EURO เดินหน้าเจาะฐานลูกค้าลักซ์ชัวรี กำลังซื้อสูง ฟากผู้บริหาร “เควิน กัมบีร์” ปักหมุดภูเก็ต พบต่างชาติตบเท้าย้ายฐานเข้าไทยพรึ่บ แถมดีเวลลอปเปอร์เปิดโครงการหรู หนุนยอดซื้อสินค้าเข้าบ้านคึกคัก ปักธงรายได้โต 15% จับตาครึ่งปีหลัง 2567 สดใส
นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EURO ผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” เปิดเผยว่า ธุรกิจของ EURO คือ จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจร ครอบคลุมทั้งเฟอร์นิเจอร์ชุดครัว เฟอร์นิเจอร์สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์นอกอาคาร ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและแสงสว่าง สินค้าและวัสดุเพื่อการตกแต่ง ของใช้ เครื่องนอน เครื่องออกกำลังกาย และสินค้าหรืออุปกรณ์เทคโนโลยี ซึ่งบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ดังระดับโลก เจาะกลุ่มลักซ์ชัวรี หรือกลุ่มระดับบนเป็นหลัก
// เจาะกลุ่มลักซ์ชัวรี
ทั้งนี้ EURO ดำเนินธุรกิจมาเกือบ 30 ปี โดยจำหน่ายสินค้าให้กับลักซ์ชัวรี ซึ่งบริษัทเล็งเห็นศักยภาพกลุ่มลักซ์ชัวรีในประเทศไทย แม้เศรษฐกิจโดยรวมในประเทศไม่ดี แต่กลุ่มลักซ์ชัวรียังมีการจับจ่ายใช้สอย และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับสาขาของบริษัทหลักๆ จะอยู่ที่กรุงเทพฯ และภูเก็ต
สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรก 2567 ในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 309.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 41.43 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนไตรมาส 2/2567 บริษัทมองว่าการเติบโตยังเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะตลาดลักซ์ชัวรีมีการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าตลาดธรรมดา ดังนั้นภาพรวมในครึ่งปีแรก 2567 จะอยู่ในเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
ขณะที่ครึ่งปีหลัง 2567 คาดจะรับรู้รายได้จากสาขาภูเก็ตเข้ามาเพิ่มเติม เพราะบริษัทดำเนินการเปิดสาขาไปเมื่อ 3 เดือนก่อน ปัจจุบันมียอดขายแล้ว และจะเปิดสาขาใหม่อีก 1 แห่งในย่านทองหล่อ ซอย 5 ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งสาขาทองหล่อจะเข้ามาช่วยผลักดันยอดขายในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 2568
// ภูเก็ตโอกาสโตสูง
บริษัทมองการจำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มลักซ์ชัวรีจะมีแนวโน้มเติบโตสูง จะเห็นได้จากดีเวลลอปเปอร์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เริ่มขยับมาเปิดโครงการลักซ์ชัวรีมากขึ้น และมีโอกาสที่ดีเวลลอปเปอร์จะซื้อสินค้าจากบริษัทมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม B2C คิดเป็นสัดส่วน 70% และขายให้กับ B2B คิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 30%
“ถ้าฉายภาพภูเก็ตจะเห็นต่างชาติย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะภูเก็ตมากขึ้น ทำให้เราตัดสินใจไปเปิดสาขาที่ภูเก็ต ตอนนี้มียอดขายเข้ามาแล้วบ้าง แต่ยังไม่ได้รับรู้เป็นรายได้ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้ามาเลือกของ จ่ายมัดจำ เมื่อทำบ้านเสร็จ จะมารับของไป เราจึงจะรับรู้เป็นรายได้” นายเควิน กล่าว
ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15% จากปีก่อน หรือไม่น้อยกว่า 1,400 ล้านบาท โดยคาดการณ์เติบโตจากธุรกิจเดิมประมาณ 10-12% ประกอบด้วย 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับงานสถาปัตยกรรมงานภายใน 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้านและอาคาร และ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการประดับตกแต่งและอุปกรณ์ฟิตเนส และเติบโตจากการขยายธุรกิจประมาณ 5-6% อาทิ จากการเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ และขยายหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์เพิ่มแบรนด์ใหม่เข้าพอร์ต