"หมอธีระ" คาดโควิดไทยจะแซงฟินแลนด์-จีน ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า!

วันนี้( 9 พ.ค.64) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า

"สถานการณ์ทั่วโลก 9 พฤษภาคม 2564...

ทะลุ 158 ล้านไปแล้ว ในขณะที่อินเดียเกิน 22 ล้าน ติดเพิ่มกว่าสี่แสนคนติดต่อกันมา 4 วัน ตายเกินสี่พันคนต่อวัน ส่วนตุรกีมียอดรวมเกินห้าล้าน พรุ่งนี้โคลอมเบียจะเกินสามล้านคนเป็นประเทศที่ 12

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 796,974 คน รวมแล้วตอนนี้ 158,295,563 คน ตายเพิ่มอีก 13,514 คน ยอดตายรวม 3,295,856 คน

5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อินเดีย บราซิล อเมริกา ฝรั่งเศส และตุรกี 

อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 33,656 คน รวม 33,452,482 คน ตายเพิ่ม 634 คน ยอดเสียชีวิตรวม 595,574 คน อัตราตาย 1.8% 

อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 409,300 คน รวม 22,295,911 คน ตายเพิ่ม 4,133 คน ยอดเสียชีวิตรวม 242,398 คน อัตราตาย 1.1% 

บราซิล ติดเพิ่ม 63,268 คน รวม 15,150,628 คน ตายเพิ่มถึง 2,091 คน ยอดเสียชีวิตรวม 421,484 คน อัตราตาย 2.8% 

ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 20,745 คน ยอดรวม 5,767,959 คน ตายเพิ่ม 176 คน ยอดเสียชีวิตรวม 106,277 คน อัตราตาย 1.8%

ตุรกี ติดเพิ่ม 18,052 คน รวม 5,016,141 คน ตายเพิ่ม 281 คน ยอดเสียชีวิตรวม 42,746 คน อัตราตาย 0.9% 

อันดับ 6-10 เป็น รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลักหมื่นต่อวัน 

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนปาล ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น 

มาเลเซียระลอกสามของเค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเกินสี่พันห้าร้อยคนต่อวัน ในขณะที่ญี่ปุ่นติดเพิ่มเกินหกพันคนต่อวันแล้ว เคยคาดประมาณว่าเค้าจะเข้าช่วงพีคในสัปดาห์ที่ 1-2 ของเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ในระลอกที่สาม ญี่ปุ่นเคยติดเชื้อต่อวันสูงสุด 7,855 คน ณ วันที่ 9 มกราคม 2564 หวังใจว่าจะสามารถควบคุมได้โดยเร็ว

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อยู่ระดับหลักร้อยถึงพันกว่า หลายประเทศกดลงมาอยู่หลักร้อย ยกเว้นลิธัวเนีย คาซักสถาน ยูเครน ที่ยังหลักพัน

แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง 

เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อยถึงเกือบพัน ส่วนเวียดนาม และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

...เวียดนามล่าสุดติดเพิ่ม 93 คน สูงสุดเท่าที่เคยเป็นมา สถิติเดิม 91 คน ณ วันที่ 28 มกราคม 2564

ทำการศึกสงคราม ข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นหัวใจสำคัญ ควรละเลี่ยงการใช้ความรู้สึกหรือกิเลสมาตัดสินใจ แต่ต้องมีสติ อาวุธที่จะใช้สู้ ไม่ใช่จะใช้อะไรก็ได้

"เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ...ทำในสิ่งที่ควรทำ"

สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน...ไทยเราคาดว่าจะแซงฟินแลนด์ในอีก 4-5 วัน และแซงจีนในอีกหนึ่งสัปดาห์

หัวใจสำคัญในการควบคุมการระบาด ว่าจะได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ

หนึ่ง ศักยภาพในการตะลุยตรวจคัดกรองโรคให้ครอบคลุม ครบถ้วน ทันเวลา เพื่อหาผู้ติดเชื้อและนำไปรับการกักตัวและดูแลรักษา

สอง อาวุธที่ดี มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย หลากหลาย เพียงพอ 

สาม การป้องกันตัว จะโดยพฤติกรรมตนเองหรือร่วมกับการประกาศนโยบายรูปแบบต่างๆ ก็ตาม

ขอเน้นย้ำให้เราทุกคนป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ใส่หน้ากากเสมอ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัว ล้างมือบ่อยๆ หลังจับต้องสิ่งของสาธารณะ อยู่ห่างคนอื่นมากๆ 

ระวังสุขาสาธารณะ ปิดฝาก่อนกดชักโครก ล้างมือทุกครั้ง และใส่หน้ากากเสมอ กลับมาถึงบ้าน อย่าเพิ่งไปคลุกคลีคนอื่น ให้ไปอาบน้ำก่อน คอยสังเกตอาการตนเองและสมาชิกในครอบครัว หากไม่สบาย ให้แยกตัวจากสมาชิกในบ้าน แล้วไปตรวจรักษา

ตบท้ายวันสุดสัปดาห์ด้วยอัพเดตความรู้จากการวิจัยในอิตาลี เค้าติดตามสอบถามผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 268 คน ณ เวลา 12 เดือน พบว่ามี 187 คนที่เคยป่วยโดยมีอาการดมไม่ได้กลิ่น หรือลิ้นรับรสไม่ได้/ผิดปกติ 

ในจำนวนดังกล่าว จากการที่ผู้ป่วยประเมินตนเอง ประมาณร้อยละ 70 อาการทุกอย่างเป้นปกติแล้ว ในขณะที่ประมาณร้อยละ 21 อาการดีขึ้น ส่วนร้อยละ 9 อาการยังคงเป็นเช่นเดิม 

ค่อยๆ อัพเดตความรู้ไป เพื่อทำความเข้าใจธรรมชาติของโรคโควิด-19

ด้วยรักและห่วงใย"