รีเซต

KTAM รับโอกาส ดบ.สหรัฐพีค กองทุนตราสารหนี้ทำกำไร2ขา

KTAM รับโอกาส ดบ.สหรัฐพีค กองทุนตราสารหนี้ทำกำไร2ขา
ทันหุ้น
23 สิงหาคม 2566 ( 14:52 )
99
KTAM รับโอกาส ดบ.สหรัฐพีค กองทุนตราสารหนี้ทำกำไร2ขา

KTAM ครึ่งหลังยังเป็นโอกาสลงทุนตราสารหนี้ ในจังหวะที่ดอกเบี้ยโดยเฉพาะสหรัฐใกล้จุดพีคแล้วปีนี้ และยังทรงตัวระดับสูงอีกพักใหญ่ ผลจากเงินเฟ้อยังเหนือกรอบ แต่ควรขยับจาก ดูเรชั่น สั้น มายาวขึ้น เพื่อรับโอกาสจาก Capital Gain ปลื้มผลงาน 6 เดือน AUM บวก 3.3% ที่ 789,261 ล้านบาท

 

นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารสายงาน จัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM กล่าวว่า จากมุมมองของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเชื่อว่าเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้วในปีนี้ และก็ยังคงเป็นโอกาสในการลงทุนตราสารหนี้ แต่ให้ปรับ ดูเรชั่น (Duration) จากสั้นๆ มาเป็นยาวขึ้น และคาดว่าสหรัฐจะคงอัตราดอกเบี้ยมที่ระดับสูงไปอีกพักหนึ่ง

 

“ในเรื่องของเงินเฟ้อที่ชะลอตัว แต่ก็ยังสูงกว่ากรอบที่ธนาคารกลางสหรัฐวางไว้ และดูเหมือนเงินเฟ้อจะลงช้ากว่าคาด ซึ่งก็มาจากหลายเหตุปัจจัย ตั้งแต่การกลับนโยบายจากการค้าเสรี มาสู่การกีดกันการค้า เหมือนโลกถอยหลังกลับไปใช้กฎเกณฑ์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ต้องมีการย้ายฐานผลิต มีต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ทำให้เงินเฟ้อลงไม่ได้เร็วอย่างที่คาด ส่งผลให้ดอกเบี้ยคงอยู่ในระดับสูงไปอีกพัก”

 

ตราสารหนี้ทำกำไร2ขา

“ตอนนี้ ดอกเบี้ยสหรัฐถึงจุดพีคแล้ว หรือ ไม่ก็ใกล้จุดพีคแล้วในปีนี้ ดังนั้นวัฏจักรขาขึ้นจึงใกล้จบ แต่ด้วยเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวระดับสูง เกินกว่าที่เฟดตั้งไว้ จึงทำให้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ระดับสูงไปอีกพัก ยังคงทำให้ตราสารหนี้หน้าสนใจ เพราะการลงทุนในตราสารหนี้ นอกจากเรื่องของอัตราดอกเบี้ยแล้ว ยังสามารถทำผลตอบแทนผ่านกำไรจากการขาย Capital Gain ด้วย”

 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ อาจต้องทำความเข้าใจในเรื่องของนโยบายการปิดความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนด้วย เนื่องจากมีผลต่อผลตอบแทนหลังจากแปลงกลับมาเป็นเงินบาท

 

นายวีระ วุฒิคงศิริกูลกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการลงทุนในตลาดหุ้น หากดูจากมูลค่า (Valuation) ความถูก ความแพงแล้ว ในระยะถัดไปนักลงทุนก็จะเริ่มทำกำไรในตลาดที่แพง และไปเข้าในตลาดที่ Valuation ถูกกว่า แต่การที่จะเลือกลงทุนในแต่ละตลาด แต่ละพื้นที่ก็ยังตามมาด้วยปัจจัยหลายอย่างประกอบ ทั้งเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โครงสร้างเศรษฐกิจ ความเสถียรภาพทางการเมือง ปัจจัยเหล่านี้ในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนว่า ในแต่ละประเทศ ในแต่ละภูมิภาคมีรูปแบบที่ต่างกัน ไม่ว่าจะการเติบโตทางเศรษฐกิจ การบริโภค เป็นต้น ซึ่งมีผลต่อการดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ

 

ตลาดหุ้นไทยไว้พักเงิน

เช่นเดียวกันในส่วนของตลาดหุ้นไทย เม็ดเงินที่ไหลออก แสนล้านบาท ไม่ได้สะท้อนแค่ความกังวลจากนักลงทุนเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง เท่านั้น แต่ไทยยังมีปัญหาในเชิงโครงสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ได้โดดเด่นเท่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเวียดนาม ดังนั้นตลาดหุ้นไทยจึงเหมือนที่พักเงินมากกว่าการเข้ามาลงทุนระยะยาว

 

อย่างไรก็ตามการที่ดอกเบี้ยสหรัฐใกล้จุดพีกแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นปัจจัยบวกที่ทำให้เม็ดเงินลงทุนไม่ไหลออกไปอีก รวมถึง การจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จะเห็นตัวนโยบายที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ แผนของการดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติ ภายใต้ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ระหว่างจีน - สหรัฐ ที่ก่อให้เกิดการย้ายฐานการลิต ซึ่งตรงจุดนี้ไทยจะดึงโอกาสเข้ามาอย่างไร เพื่อทำให้เศรษฐกิจยังคงเติบโตต่อเนื่อง เป็นจุดที่ช่วยลดความเสี่ยงด้านการเมืองลง และก็จะทำให้ตลาดหุ้นผันผวนลดลงได้

 

เป้าหมาย SET 1,640 จุด

ทั้งนี้ บลจ. กรุงไทย คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรประมาณ 10-12% มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ระดับ 3.2-3.4% เป็นระดับที่ Valuation ไม่แพงนัก ซึ่งปัจจุบัน P/E อยู่ที่ประมาณ 15-16 เท่า โดยประเมิน SET Target ที่ 1,640 จุด ณ สิ้นปี 2566

 

สำหรับ ผลการดำเนินงาน ปัจจุบัน บลจ.กรุงไทย มีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด (AUM) ภายใต้การจัดการของบริษัทอยู่ที่ที่ 789,261 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนตลาดที่ 9.2% เติบโต 3.3% YoY (ข้อมูล : AIMC ณ 30 มิ.ย. 2566) โดยแบ่งเป็น

  • กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม (Mutual Fund) อยู่ที่ 571,197 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนตลาดที่ 11.5% เติบโต 1.6 % YoY 
  • กลุ่มธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) อยู่ที่ 59,715 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนตลาดที่ 2.7% เติบโต 32.1% YoY 
  • กลุ่มธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) อยู่ที่ 158,349 ล้านบาท คิดเป็น 11.4% เติบโต 1.2% YoY 

นอกจากนี้ บริษัทยังคงผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนและการบริการให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งพัฒนาแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน 

 

โดยล่าสุดได้เพิ่มบริการหักเงินค่าซื้อกองทุนเพื่ออำนวยความสะดวกนักลงทุนที่ใช้บริการธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น

 

อีกทั้งยังคงส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ภายใต้เทคโนโลยีความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวล โดยปัจจุบันบริษัท มีนักลงทุนที่ใช้บริการผ่าน KTAM Smart Trade แล้วกว่า 44,000 บัญชี

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง