รีเซต

"Starbucks Korea" ใช้เงินลูกค้าลงทุนฟันดอกเบี้ย 4 หมื่นล้านวอน

"Starbucks Korea" ใช้เงินลูกค้าลงทุนฟันดอกเบี้ย 4 หมื่นล้านวอน
TNN ช่อง16
21 ตุลาคม 2568 ( 12:19 )
9

สำนักข่าวเกาหลีรายงานว่า Starbucks Korea ซึ่งดำเนินกิจการร้านกาแฟรายใหญ่ที่สุดในประเทศ มีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินพรีเพดของลูกค้าสูงถึง 40,800 ล้านวอน ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา จากการนำเงินที่ลูกค้าเติมไว้ในบัตร Starbucks Card และบัญชีแอปพลิเคชัน ไปบริหารในรูปแบบสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดและกองทรัสต์สั้น

ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการนโยบายแห่งชาติของเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับรายงานจากหน่วยงานกำกับการเงิน (FSS) และธนาคารต่าง ๆ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2020 ถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยอดเติมเงินสะสมในระบบของ Starbucks Korea รวมกว่า 2.6249 ล้านล้านวอน และยังคงเติบโตต่อเนื่องทุกปี

ยอดเงินพรีเพดดังกล่าวเพิ่มจาก 184,800 ล้านวอนในปี 2020 เป็น 340,200 ล้านวอนในปี 2021, 440,200 ล้านวอนในปี 2022, 545,000 ล้านวอนในปี 2023, และแตะ 660,300 ล้านวอนในปี 2024 โดยเฉพาะในปีนี้มีเงินไหลเข้าสู่ระบบกว่า 454,400 ล้านวอน ภายในแค่ 8 เดือนแรก สะท้อนถึงความนิยมของระบบบัตรเติมเงินกาแฟที่เติบโตต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกัน ยอดเงินที่ลูกค้ายังไม่ได้ใช้ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดย ณ เดือนสิงหาคม 2024 มีมูลค่ารวมกว่า 401,400 ล้านวอน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว หรือ 123% เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2020 ซึ่งอยู่ที่ 180,100 ล้านวอน

รายงานของ FSS ระบุว่า Starbucks Korea ได้บริหารจัดการเงินพรีเพดดังกล่าวในลักษณะสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด เพื่อให้เกิดผลตอบแทนจากดอกเบี้ย โดยกว่าร้อยละ 60.5 หรือราว 1.08 ล้านล้านวอน ถูกฝากไว้ในบัญชีธนาคาร ขณะที่อีกร้อยละ 39.5 หรือประมาณ 707,300 ล้านวอน ถูกนำไปลงทุนในผลิตภัณฑ์นอกภาคธนาคาร เช่น กองทรัสต์เงินระยะสั้นและกองทุนเฉพาะทาง

แม้บริษัทจะยืนยันว่าการลงทุนทั้งหมดอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่มีความมั่นคงสูงและคุ้มครองเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายเตือนว่า การลงทุนในกองทรัสต์ยังคงมีความเสี่ยงด้านเครดิตของสถาบันผู้จัดการ และอาจไม่สามารถคุ้มครองเงินลูกค้าได้เต็มรูปแบบหากเกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระ

สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรค People Power นายคัง มินกุก ชี้ว่า ปัจจุบัน Starbucks Korea สามารถสร้างรายได้จากการบริหารเงินพรีเพดราวกับเป็นเงินหมุนเวียนภายในบริษัทโดยไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของกฎหมายธุรกรรมทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหมายความว่าเงินลูกค้าจำนวนมหาศาลนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการตรวจสอบโดยตรงของหน่วยงานกำกับการเงิน ถือเป็นช่องโหว่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ต้องเร่งพิจารณา

ด้านผู้บริหาร Starbucks Korea ยอมรับว่า บริษัทรับฟังคำวิจารณ์เรื่องปัญหาการดำเนินงาน และเตรียมทบทวนแนวทางบริหารเงินพรีเพด โดยมีแนวโน้มจะยุติการลงทุนในภาคนอกธนาคาร เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัยของเงินลูกค้าในอนาคต

ขณะเดียวกัน หน่วยงานกำกับการเงินเกาหลีใต้เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุกรณี "T-MEP Incident" หรือเหตุล้มละลายของผู้ให้บริการพรีเพดรายอื่นเมื่อหลายปีก่อน ทางการได้ออกมาตรการเข้มงวดมากขึ้น แต่ยอมรับว่ายังมีบางช่องทางที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง จึงจำเป็นต้องพิจารณาขอบเขตการกำกับใหม่ให้สมดุล ระหว่าง การปิดช่องโหว่ทางกฎหมายและการไม่จำกัดนวัตกรรมทางการเงินเกินจำเป็น

นักวิเคราะห์ตลาดเกาหลีใต้มองว่า กรณีนี้เป็นสัญญาณสะท้อนถึงพลังทางการเงินมหาศาล ของ Starbucks ในฐานะบริษัทค้าปลีกที่สามารถระดมเงินจากผู้บริโภคผ่านระบบพรีเพดได้เทียบเท่าสถาบันการเงินขนาดกลาง ขณะเดียวกันยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการกำหนดกรอบกำกับดูแลใหม่ เพื่อให้ระบบเงินพรีเพดมีความโปร่งใส และป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง