เดินห้างฯอย่างไร แบบ 'นิว นอร์มอล'
ภายหลังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ส่งสัญญาณให้ธุรกิจ ห้างร้านขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงระดับปานกลาง เปิดดำเนินการได้วันที่ 17 พฤษภาคมนี้ พบว่าบรรดาห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก รวมทั้งร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในห้างฯ ต่างมีความหวัง และงัดมาตรการเพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียกความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ ตลอดจนภาครัฐจะยังคงติดตาม สอดส่องว่าสามารถดำเนินการได้ตามมาตรฐานสุขอนามัยเพื่อยับยั้งโควิด-19 ได้หรือไม่
ขณะเดียวกันผลจากมาตรการต่างๆ ของภาคธุรกิจ จะสร้างวิถีการเดินห้างรูปแบบใหม่ให้กับประชาชนที่ต้องทำความเข้าใจ และย้ำว่าต้องปฏิบัติตาม!!
ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มห้างสรรพสินค้าของบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ขวัญใจลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้ง ไอคอนสยาม สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ได้รับการยืนยันว่าการ์ดไม่ตก พร้อมนำยิ้มสยามกลับคืนมาอีกครั้ง
นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานปฏิบัติการ บริษัทสยามพิวรรธน์ จำกัด ระบุว่า ไอคอนสยาม สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดให้บริการอีกครั้งตามคำสั่งของภาครัฐ โดยจะคงรักษามาตรฐานดังกล่าวอย่างเข้มงวดแบบการ์ดไม่มีตก
บริษัทจะนำนวัตกรรมเข้ามาผสานในการดำเนินยุทธศาสตร์เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่พันธมิตร คู่ค้า และประชาชนที่มาใช้บริการเต็มรูปแบบ อาทิ หุ่นยนต์อัจฉริยะที่ติดตั้งกล้องตรวจจับความร้อนและวัดอุณหภูมิเข้ามาใช้ในการช่วยคัดกรอง, การนำเทคโนโลยีทำความสะอาดอย่างล้ำลึกด้วยการใช้รังสี UV-C ฆ่าเชื้อในทุกพื้นที่ทั้งภายในและนอกศูนย์
นอกจากนี้ยังมีมาตรการต่างๆ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุด มี 3 ยุทธศาสตร์หลัก อาทิ ยุทธศาสตร์ความปลอดภัยของศูนย์การค้า คือ ทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ก่อนศูนย์เปิดในทุกพื้นที่ จัดให้มีการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกพร้อมฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ทั่วทุกพื้นที่
ส่วนการลดความแออัด และรักษาระยะห่างเพื่อสุขอนามัย จำกัดจำนวนคนเข้าศูนย์การค้าและร้านค้าตามกำหนดของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และระบุจำนวนชัดเจนในทุกพื้นที่, กำหนดระยะห่างในพื้นที่ส่วนกลาง อาทิ ห้องน้ำ, กำหนดระยะห่างในการใช้บันไดเลื่อน 2 ขั้นเป็นอย่างน้อย, การจัดโต๊ะที่นั่งในร้านอาหาร ให้นั่งเยื้องกัน และเว้นระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 1 เมตร, จัดทำฉากกั้นแยกส่วนในจุดที่ให้บริการลูกค้าตลอดเวลา
ด้านบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เตรียมมาตรการคุมเข้มป้องกัน และการเว้นระยะห่างโซเชียล ดิสแทนซิ่งอย่างเคร่งครัด อาทิ การคัดกรองก่อนการเข้าศูนย์การค้าลูกค้า 100%, ทุกคนต้องสวมหน้ากาก, พนักงานตรวจวัดอุณหภูมิต้องใส่เฟซชิลด์, ทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง และจุดสัมผัส อาทิ บันไดเลื่อน ลิฟต์ ห้องน้ำ ทุก 30 นาที, มีพนักงานกดลิฟต์และตีตารางการเว้นระยะห่าง, บริการพ่นยาฆ่าเชื้อถุงสินค้า รวมทั้งการใช้โปรเทคชั่น ชิลด์ เพิ่มเกราะป้องกันด้วยแผ่นอะคริลิกใส ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แคชเชียร์ รวมถึงร้านค้าใน เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์
พร้อมกันนั้นจะรณรงค์ให้ประชาชนผู้ใช้บริการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสดด้วย
ขณะที่ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป ยืนยันออกมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด พร้อมกำหนดมาตรการมากถึง 100 มาตรการ เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุดของศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและภาครัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19
อีกห้างที่เข้มข้นไม่แพ้กัน คือ โรบินสันจัดทำแผนงาน โรบินสัน สะอาด มั่นใจ ในทุกตารางเมตร กับแผน 5 ด้านหลัก คือ การคัดกรองเข้มงวด ลดความแออัด ติดตามให้มั่นใจ สะอาดทุกจุดในเชิงรุก และลดการสัมผัสที่ชัดเจนและปฏิบัติได้จริง ทั้งห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านค้า และพนักงานทุกคน เพื่อยกระดับมาตรการความสะอาดและความปลอดภัยเชิงรุกร่วมกัน และเป็นส่วนหนึ่งของการลดการแพร่ระบาด พร้อมตอบรับนิว นอร์มอล หรือพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
ด้านไฮเปอร์มาร์เก็ต อย่าง เทสโก้ โลตัส เล่าประสบการณ์การเปิดบริการในช่วงที่ผ่านมาว่า โดย สลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการ บริษัท เทสโก้ โลตัส เล่าว่า ที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ได้ดำเนินมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ประกอบด้วย 1.การเว้นระยะห่างทางสังคมในทุกพื้นที่ ทั้งในบริเวณช้อปปิ้งมอลล์ กระทั่งในส่วนของซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยมีการกำหนดจุดมาร์กกิ้งที่ชัดเจนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการรวมตัวกัน เช่น จุดชำระเงิน เป็นต้น โดยจะมีพนักงานยืนกำกับเพื่อให้ลูกค้ามีการเว้นระยะห่างที่ปลอดภัย รวมถึงบริเวณศูนย์อาหาร มีการจัดโต๊ะ โดยเว้นระยะห่างตามมาตรการที่รัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุขแนะนำ ส่วนร้านค้าที่เช่าพื้นที่ ก็มีการกระจายตัวและเว้นระยะห่างเช่นกัน 2.การประกาศเสียงตามสายตลอดทั้งวัน เพื่อเตือนให้ลูกค้ามีการเว้นระยะห่างทางสังคม 3.กำหนดชั่วโมงพิเศษ ช่วงเวลา 08.00-09.00 น. สำหรับลูกค้ากลุ่มผู้สูงอายุ ให้ได้จับจ่ายซื้อของก่อน เพื่อป้องกันความหนาแน่นและสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 4.มีนโยบายไม่สวมหน้ากากอนามัย ห้ามเข้าพื้นที่ และ 5.มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือทั่วพื้นที่
“หากรัฐบาลเห็นชอบมาตรการผ่อนปรน ให้กลับมาเปิดได้ตามปกติ เชื่อว่ามาตรการต่างๆ ที่ได้ดำเนินน่าจะพร้อมรับมือ ทั้งมาตรการของทางห้างเองประกอบกับผู้บริโภคส่วนใหญ่มีการระมัดระวังตัวเองมากขึ้น โดยมีการสวมหน้ากากอนามัย และการใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือบ่อยครั้ง จึงคิดว่าไม่น่าเป็นกังวลแต่อย่างใด” สลิลลากล่าว
ด้านสมาคมภัตตาคารไทยพร้อมสร้างมาตรฐานใหม่รอกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้ง โดย ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ยืนยันว่า ขณะนี้ร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือร้านที่มีขนาดเกิน 200 ตารางเมตร ได้เตรียมพร้อมในการกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง ทั้งในเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยสิ่งที่ต้องดำเนินการและปฏิบัติในรูปแบบเดียวกันคือ 1.ตั้งจัดระบบเครื่องปรับอากาศของร้านให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อไวรัส 2.การจองที่นั่งออนไลน์ เพื่อลดความแออัดในการเข้าใช้บริการที่ร้านอาหาร 3.ใช้ระบบคิวอาร์โค้ดในการยืนยันตัวตน
เพื่อให้สามารถติดตามตัวได้ และสั่งอาหารผ่านช่องทางดังกล่าวได้ 4.ลดการสื่อสารและสัมผัสตัวระหว่างลูกค้าและพนักงาน 5.พนักงานต้องตรวจสุขภาพและมีใบยืนยันความพร้อมในการให้
บริการ และ 6.ขั้นตอนการประกอบอาหารและการบริการลูกค้า ทุกขั้นตอนต้องมีความสะอาดอย่างแท้จริง รวมถึงการทำความสะอาดหลังจากลูกค้าใช้บริการแล้วเสร็จ
“ข้อจำกัดในการนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารหรือภัตตาคารโต๊ะละ 1 คน และจัดโต๊ะห่างกันตามที่รัฐกำหนดช่วงระยะห่างไว้ ความจริงแล้วเงื่อนไขดังกล่าวทำได้ยากมาก และดูจะเป็นเรื่องตลกเล็กน้อย เพราะหากสมมุติว่ามีลูกค้ามาพร้อมกัน 4 คน เดินทางมาด้วยกัน อยู่บ้านเดียวกัน ใส่หน้ากากอนามัยมาด้วยกัน แต่พอมาใช้บริการ
ที่ร้านอาหาร ไม่สามารถนั่งร่วมโต๊ะกันได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ตัวแทบจะติดกันตลอดเวลา ก็เป็นเรื่องที่ดูไม่สอดคล้องกันนัก แต่หากอยากกลับมาเปิดใหม่ตามปกติ ก็ต้องทำตามเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งก็พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ตามเดิม เพียงแต่มองว่าข้อกำหนดหรือกฎหมายใดๆ ที่ออกมาแล้วขัดกับบรรทัดฐานและความเคยชินของสังคม มันย่อมปฏิบัติตามได้ยากอยู่แล้ว” ฐนิวรรณทิ้งท้าย