รัฐ-เอกชน ลุยสร้างอู่ตะเภา-เมืองการบิน 2.9 แสนล้าน

วันนี้(19มิ.ย.63) นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กพอ. ได้ลงนามสัญญาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่าการลงทุน 2.9 แสนล้านบาท กับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่ โดยกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ที่มี บมจ.การบินกรุงเทพ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ร่วมกับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เพื่อลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่จะมีเมืองการบินเป็นครั้งแรกในประเทศ และโครงการนี้ยังถือว่าเป็นการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ของภูมิภาคครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้

สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็น สนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลัก แห่งที่ 3 ใช้เงินลงทุนประมาณ 2.9 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐได้ผลประโยชน์ด้านการเงิน 305,555 ล้านบาท และได้ภาษีอากรกว่า 62,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่ม 15,600 ตำแหน่งต่อปีในระยะ 5 ปีแรก เกิดการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านธุรกิจการบินและธุรกิจเชื่อมโยง เพิ่มเทคโนโลยีองค์ความรู้ด้านธุรกิจการบิน โดยทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของรัฐเมื่อสิ้นสุดสัญญา 50 ปี

ทั้งนี้ตามแผนการพัฒนาโครงการ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 มีอาคารผู้โดยสารขนาดพื้นที่กว่า 157,000 ตารางเมตร พื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ อาคารจอดรถ ศูนย์ขนส่งภาคพื้นดิน และหลุมจอดอากาศยาน 60 หลุมจอด คาดว่า จะเสร็จในปี 67 รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 15.9 ล้านคนต่อปี ระยะที่ 2 คาดว่าเสร็จปี 73 รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 30 ล้านคนต่อปี ระยะที่ 3 คาดว่าจะเสร็จปี 85 รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 45 ล้านคนต่อปี ส่วนระยะที่ 4 คาดว่าจะเสร็จปี 98 ประมาณการรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 60 ล้านคนต่อปี