รีเซต

SCBปักธงROEเกิน10% สินเชื่อยั่งยืน1.8แสนล.

SCBปักธงROEเกิน10% สินเชื่อยั่งยืน1.8แสนล.
ทันหุ้น
15 กันยายน 2568 ( 07:30 )
2

#SCB #ทันหุ้น – SCB ปักธงมี ROE มากกว่า 10% สูงสุดแบงก์ไทย พร้อมทำผลงานสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนแตะ 180,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 150,000 ล้านบาท แม้ยังเผชิญความท้าทายจากสงครามการค้า หนี้ครัวเรือน และความก้าวหน้า AI ลุย Consumer Bankingเร่งลงทุนเทคโนโลยี

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เปิดเผยว่า ธนาคารได้บริหารงานภายใต้กลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch ยังคงสร้างความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบด้วย การสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 10% สูงที่สุดในอุตสาหกรรมธนาคาร การรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income) อยู่ที่ต่ำกว่า 40% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมธนาคาร 

ในส่วนรายได้ดิจิทัลต่อรายได้รวมซึ่งกำลังเข้าสู่  25% ภายในสิ้นปี 2568 การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนมากที่สุดในระบบธนาคารด้วยจำนวน 180,000 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายที่วางไว้ 150,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2568

*เร่งลงทุนในเทคโนโลยี

ทั้งนี้เมื่อมองความท้าทายในระยะข้างหน้า อุตสาหกรรมธนาคารยังต้องเผชิญความท้าทายจากอีกหลายปัจจัยทางเศรษฐกิจ อาทิ ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก หรือปัญหาหนี้ครัวเรือน พร้อมด้วยปัจจัยใหม่ที่จะเพิ่มความท้าทายกับธุรกิจธนาคารมากขึ้นในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ทั้งจากการแข่งขันกับคู่แข่งรายใหม่อย่างธนาคารไร้สาขา 

ขณะที่ความก้าวหน้าของ AI ที่ธุรกิจธนาคารจะต้องวิ่งตามให้ทัน รวมถึงนโยบายการเปิดกว้างของข้อมูล (Open Banking) ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ธนาคารต้องเร่งปรับตัวทั้งด้านกลยุทธ์และโครงสร้างองค์กร เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันและขยายขีดความสามารถในการให้บริการอย่างครอบคลุมและตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยธนาคารยังยืนยันว่า จะต้องมีการปรับลดขนาดองค์กร อย่างแน่นอน ซึ่งจะทำบนความยุติธรรม โปร่งใส และเหมาะสม รวมถึงเปิดโอกาสให้พนักงานที่มีความสามารถและพร้อมปรับตัวไปสู่ยุคดิจิทัล คาดการณ์ว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ขนาดของสถาบันการเงินไทยน่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 

ขณะที่งบลงทุนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล จะเพิ่มขึ้นแน่นอน การลงทุนนี้จะครอบคลุมหลายส่วน ได้แก่ การเชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกันที่ต้องใช้เทคโนโลยีพอสมควร, การปรับ Core Banking ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีการทดสอบส่วนแรกในปีนี้โดยไม่กระทบลูกค้าส่วนใหญ่, การลงทุนใน Data Platform ใหม่ที่เชื่อมโยงกับ Data Platform ของกลุ่ม เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างทันท่วงที, การใช้ AI เป็นกลไกในการเป็นเพื่อนคู่คิดของ RM และช่วยลูกค้าในระดับกลางลงล่างที่ไม่มี RM ซึ่งงบประมาณด้านนี้จะเป็นงบประมาณหลักที่คาดว่าจะมีการลงทุนในอนาคต

*ปรับกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง

ดังนั้นเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว ธนาคารจึงได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. ปรับธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความคล่องตัวให้กับธุรกิจแบบทันที ด้วยการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการให้บริการบนช่องทางดิจิทัลให้เป็นช่องทางหลัก  2. ลงมือทำรวดเร็วและชัดเจน โดยกำหนดเป้าหมายและปฏิบัติงานสอดคล้องกับบริบททางธุรกิจที่เปลี่ยนไป พร้อมติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด 

3. การเสริมแกร่งธุรกิจหลัก เน้นการรักษาคุณภาพและขยายธุรกิจหลักที่เป็นผู้นำและมีศักยภาพการเติบโตต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่ ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (รวมถึงธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและประกันภัย) และ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เป็นต้น

โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ธนาคารได้เริ่มเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้หนึ่งในธุรกิจหลักของธนาคาร ด้วยการปรับโครงสร้างธุรกิจลูกค้าบุคคล เป็น “กลุ่มธุรกิจ Consumer Banking”  โดยการควบรวม 5 หน่วยงานทางด้านผลิตภัณฑ์และช่องทางบริการเป็นหนึ่งเดียว เน้นการบริหารและให้บริการด้วยแนวคิดที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ครอบคลุมทุกช่วงชีวิตตั้งแต่การเริ่มต้นออมเงินเพื่อสร้างความมั่นคงจนถึงแผนการสืบทอดความมั่งคั่ง พร้อมกำหนดเป้าหมายการเป็น “ธนาคารที่ลูกค้าไว้วางใจในทุกช่วงชีวิต” ภายในปี 2571

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง