ไทยสวยดึงดูดเม็ดเงินลงทุน ชูหุ้นนิคม-โรงไฟฟ้า-สื่อสาร

#ไทยสวย #ทันหุ้น – นักเศรษฐศาสตร์อังค์ถัด ชี้ประเทศไทยมีความพร้อมทั้งระบบสาธารณูปโภค พลังงานสะอาด และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนดิจิทัล – ดาต้าเซ็นเตอร์จากทั่วโลก นักวิเคราะห์คัด 5 กลุ่มรับอานิสงส์ อาทิ AMATA, WHA, GULF, BGRIM, WHAUP, ADVANC และ TRUE
ดร.บรูโน คาเซลลา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส กองการลงทุนและวิสาหกิจ องค์การการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNCTAD) กล่าวว่า ความผันผวนและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบัน ส่งผลให้การลงทุนทั่วโลกปรับตัวลดลงถึง 14% YoY แต่จากผลการศึกษา อังค์ถัดพบว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับโดดเด่นขึ้น (Bright Spots) ในฐานะภูมิภาคหรือพื้นที่ที่ยังคงดึงดูดการลงทุนได้เพิ่มขึ้นถึง 10% YoY
จากผลการศึกษาในบรรดาประเทศภูมิภาคนี้ ไทยมีระบบสาธารณูปโภคทั้งน้ำ พลังงานสะอาด รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน และระบบการขนส่งที่โดดเด่น (A Very Solid Footprint) อีกทั้งยังมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งพร้อมคว้าโอกาสและรับมือความท้าทาย (Very Well Positioned)
ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยก็สนับสนุน การเปลี่ยนผ่านสู่สีเขียวและพลังงานหมุนเวียน (Green Transition), การลงทุนในดิจิทัล รวมถึงการจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโอกาสสำคัญที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนในไทย
“แม้การลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์จะเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องการใช้พลังงานและน้ำเป็นจำนวนมาก รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนความยั่งยืน และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มาพร้อมกับการลงทุนเหล่านี้ ภาคเอกชนก็ลงทุนในการเปลี่ยนผ่านสู่เน็ตซีโร่ (Net Zero) จึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับประเทศไทยในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต”
คัด 5 กลุ่มรับอานิสงส์
นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้อำนวยการสายงานวิจัย ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุ ประเทศไทยมีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าการลงทุนในธุรกิจดิจิทัลในไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก สะท้อนจากยอดการขอรับส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในธุรกิจดิจิทัลที่เร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2568 (1H/68) สูงถึง 500,000 ล้านบาท เทียบกับช่วงครึ่งหลังปี 2567 (2H/67) ที่ผ่านมา มียอดขอ BOI ประมาณ 25,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ได้คัดกลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินลงทุนที่คาดว่าจะไหลเข้ามา ดังนี้ 1. กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วน อาทิ DELTA ในฐานผู้ผลิตอุปกรณ์ Power Supply และระบบ Cooling ซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับ Data Center 2.กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม อาทิ AMATA 3.กลุ่มผู้รับเหมา อาทิ STECON 4.กลุ่มโรงไฟฟ้า อาทิ GULF และ BGRIM และ 5.ระบบสื่อสารและเครือข่าย อาทิ ADVANC และ TRUE
“ในไทยยังไม่มีบริษัทเทคที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ แบบ Big Tech ระดับโลก อย่างไรก็ตามจุดเด่นของไทยอยู่ที่ การนำ AI Solution ที่เกิดจากการลงทุนใน Data Center เหล่านี้ มาปรับใช้และต่อยอดในธุรกิจต่างๆ ดังนั้นหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จึงเป็นกลุ่มต้นน้ำ และเมื่อ Data Center สร้างเสร็จสมบูรณ์ ระบบสายสื่อสารและเครือข่ายต่างๆ จะมีการใช้งานเพิ่มขึ้น”
ชูนิคม ไฟฟ้าเด่น
ด้านนายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุอุตสาหกรรมไทยจะได้รับจากกระแสการลงทุน Data Center ที่ชัดเจนในระยะ 1-2 ปี ข้างหน้าคือ การขายที่ดินและระบะสาธารณูประโภค (Utility) อาทิ AMATA, WHA, GULF และ WHAUP
“จะเห็นได้จากยอดขายที่ดินในนิคมของ WHA และ AMATA ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา รวมถึงในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ที่สัดส่วนของลูกค้ากลุ่ม Data Center เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 5% เป็น 10%, 15% และ 20% ตามลำดับ ขณะเดียวกัน WHAUP และ GULF เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการ Supply พวกไฟฟ้า ให้กับ Data Center ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจนี้”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
