รีเซต

ทิสโก้ มองหุ้นกลุ่มแบงก์ กรณี”บัญชีม้า” คาดกระทบไม่มาก แนะอ่อนตัวเป็นโอกาสซื้อ

ทิสโก้ มองหุ้นกลุ่มแบงก์ กรณี”บัญชีม้า” คาดกระทบไม่มาก แนะอ่อนตัวเป็นโอกาสซื้อ
ทันหุ้น
15 กันยายน 2568 ( 14:51 )
7

#ทันหุ้น-บล.ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธปท. มีมารการเชิงรุกเกี่ยวกับ “บัญชีม้า” (Mule Accounts) ได้ก่อให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้ฝากเงินว่าบัญชีของตนอาจถูกระงับการใช้งานชั่วคราว ส่งผลให้มีผู้ถอนเงินหลายคนในช่วงสุดสัปดาห์ และคาดว่าจะมีผู้ถอนเพิ่มข้นอีกเมื่อสาขาธนาคารกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันจันทร์ อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยเชื่อว่าผลกระทบเชิงลบไม่น่าจะเกิดขึ้นมากนัก ดังนั้นมองว่าหากราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลง เป็นโอกาสในการซื้อ โดยเฉพาะหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง รวมถึงหุ้นที่ฝ่ายวิจัยเลือกอย่างหุ้น KTB และ TTB ที่แนะนำซื้อ ให้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 26.00 และ 2.20 บาท ตามลำดับ

ฝ่ายวิจัยทิสโก้ มองว่า ในส่วนของความเพียงพอของสภาพคล่อง เชื่อว่าสภาพคล่องของธนาคารมีอยู่มาก ดังที่เห็นได้จากอัตราส่วนสภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน (LCR) ที่สูง อัตราส่วนนี้คำนวณโดยการหารสินทรัพย์สภาพคล่องคุณภาพสูง (HQLA) ด้วยกระแสเงินสดสุทธิที่คาดว่าจะไหลออกทั้งหมดภายใน 30 วันข้างหน้า กล่าวอีกนัยหนึ่ง LCR บ่งชี้ถึงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารที่มีอยู่ในกรณีที่เกิดภาวะวิกฤตรุนแรงในระยะสั้นธนาคารทุกแห่งมีอัตราส่วน LCR มากกว่า 100% ตามข้อกำหนดของ Basel III และค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งในประเทศไทยอยู่ที่ 206% ฝ่ายวิจัยพบว่าผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ที่อาจถอนเงินน่าจะเป็นลูกค้ารายย่อย ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่มีบัญชี CASA ผู้ฝากเงินรายย่อยมียอดคงเหลือ CASA รวม 5.5 ล้านล้านบาท

ในขณะที่สินทรัพย์สภาพคล่อง (HQLA) ของภาคส่วนนี้อยู่ที่ 5.7 ล้านล้านบาท ในกรณีที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นอย่างยิ่งที่ผู้ฝากเงินรายย่อยทั้งหมดถอนเงินทั้งหมดออกจากบัญชี CASA ธนาคารควรยังคงมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะคืนเงินเหล่านี้

นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ให้กู้รายสุดท้ายเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบธนาคารและตลาดการเงิน

เกี่ยวกับการสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดที่อาจเกิดขึ้นกับทางเลือกอื่นสำหรับธุรกรรมธนาคาร เช่น กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าความกังวลนี้ อาจมีเหตุผล แต่ทางเลือกที่มีอยู่ยังคงมีขนาดเล็กเกินไปที่จะทำหน้าที่เช่นเดียวกับบริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าเงินอิเล็กทรอนิกส์จะแพร่หลายในประเทศไทย โดยมีบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ 115 ล้านบัญชี (106 ล้านบัญชี มาจากผู้ ให้บริการที่ไม่ใช่ธนาคาร) แต่ยอดรวมการชำระเงินผ่านเงินอิเล็กทรอนิกส์ในปีที่แล้วมีเพียง 1.0 ล้านล้านบาท เทียบกับยอดธุรกรรมผ่านระบบพร้ อมเพย์ 51.6 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการผ่านธนาคาร ดังนั้น แม้ว่าประชาชนอาจมองหาทางเลือกอื่น แต่ก็ยังไม่มีทางเลือกอื่นที่สามารถแข่งขันกับธนาคารได้

ฝ่ายวิจัยทิสโก้ คาดว่าความกังวลจะคลี่คลายลงในอีกไม่กี่วัน หน่วยงานกำกับดูแล เช่นธนาคารแห่งประเทศ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้รับทราบข้อกังวลเหล่านี้แล้ว และได้จัดการประชุมฉุกเฉินในวันอาทิตย์ คาดว่าจะมีการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความกังวลของผู้ฝากเงิน และสถานการณ์น่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง