หุ้นเด่นวันนี้ ! 5 โบรกสกรีน 13 หุ้นน่าเก็บช่วงดัชนีปรับฐาน
หุ้นน่าซื้อวันนี้ 13 ก.ค. 64 : โบรกมองหุ้นไทยแกว่งตัวออกข้างจนถึงพักตัว ตลาดกังวลการแพร่ระบาดโควิดที่พุ่งต่อเนื่อง ลุ้นผลของมาตรการ lockdown เตือนนักลงทุนระมัดระวังการลงทุน ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,540-1,560 จุด เน้นหุ้นผันผวนต่ำ-มีปัจจัยบวกเฉพาะช่วงดัชนีร่วง
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ทิศทาง SET INDEX เมื่อวานนี้ อ่อนแรงกว่าที่คาด เพราะตลาดหุ้นไทย Rebound ได้แค่ช่วงต้นของชั่วโมงการซื้อขาย แต่ยืนระยะไม่อยู่ ก่อนจะปิดลบเล็กน้อย สวนทางกับภาพรวมตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นได้เป็นส่วนใหญ่ สะท้อนจากดัชนี MSCI Asia Pacific ex Japan ที่ปิดบวกราว 0.74% สะท้อนจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างเปราะบางและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น
สำหรับกระแสเงินทุนก็ไม่ได้เอื้อต่อการฟื้นตัว โดยเมื่อวานนี้ กองทุนในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิพร้อมกันราว 1.83 พันล้านบาท และ 1.67 พันล้านบาท ตามลำดับ มูลค่าการซื้อขายของ SET ลดลงจาก 8.5 หมื่นล้านบาท เหลือ 7.5 หมื่นล้านบาท
ส่วนปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ (1) การแถลงของประธาน Fed ต่อคณะกรรมการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา รอบกลางปี ระหว่างวันที่ 14-15 ก.ค. (2) ฤดูกาลรายงานผลประกอบการ 2Q64 ของไทย เริ่มจาก TISCO วันที่ 15 ก.ค.นี้ ส่วนของสหรัฐฯ เช่น JP Morgan และ Goldman Sachs จะรายงานวันนี้ (13 ก.ค.) ด้าน Bank of America, Citi Group และ Wells Fargo จะรายงานวันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.)
อย่างไรก็ตาม เราประเมินทิศทาง SET INDEX วันนี้ แกว่งตัวออกข้างจนถึงพักตัว กรอบการเคลื่อนไหว 1,540-1,560 จุด เราคาดว่า หุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q64 เติบโตเด่น จะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าภาวะตลาดโดยรวม
สำหรับ หุ้นเด่นวันนี้มี 4 ตัว นำโดย CKP เราคาดว่าผลประกอบการ 2Q64 จะออกมาดีมาก จากแรงหนุนหลังจีนปล่อยน้ำจากเขื่อนลงมาที่แม่น้ำโขงเป็นจำนวนมาก และการเกิดพายุโซนร้อนในลาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี CKP ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าไซยะบุรีสัดส่วน 42.5% จึงได้ประโยชน์โดยตรงจากยอดขายไฟของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ใน 2Q64 ขณะที่ 3Q64 คาดผลประกอบการจะดีต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ฤดูมรสุมซึ่งเป็น High
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ NER ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ คาดกำไรปกติ 2Q64 ที่ 473 ลบ. ทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสของบริษัท เติบโต +196% YoY และ +13% QoQ พร้อมคาดเงินปันผล 1H64 หุ้นละ 0.16 บาท ให้ Dividend Yield 2.3%แนวโน้มกำไร 2H64 คาดอัตรากำไรจะดีขึ้น HoH จากการรับรู้ต้นทุนยางสต็อกใหม่ที่ราคาต่ำลง เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้นจากเดิม 36% เป็น 1.77 พันลบ. และปี 2565 ขึ้น 34% เป็น 1.87 พันลบ. ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER2564 เพียง 7 เท่า
หุ้นเด่นอีกตัวคือ BPP ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 17.80 บาท แนวรับ 17.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 16.60 บาท
คาดกำไรปกติ 2Q64 เติบโต YoY จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้า Nakoso ขณะที่ Catalyst คือ การเริ่มจ่ายไฟ (COD) ของโรงไฟฟ้า SLG ในจีน ใน 3Q64 หากเป็นไปตามแผนงานจะเป็นบวกต่อราคาหุ้น
หุ้นเด่นตัวสุดท้ายคือ GPSC ได้ประโยชน์จากกำไรของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่มีแนวโน้มโดดเด่นใน 2Q64 เนื่องจากถือหุ้นในโครงการไซยะบุรีสัดส่วน 25% ดังนั้น คาดว่ามีโอกาสที่งบ 2Q64 จะดีกว่าคาดการณ์เดิมของตลาดเราคาดกำไรปี 2564 เติบโต +12% YoY เป็น 9.7 พันลบ. และเป็นผู้เล่นหลักในกลุ่ม PTT ในธุรกิจ EV Battery ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER2564 ระดับ 21 เท่า มี Discount เมื่อเทียบกับ GULF และ BGRIM
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) กล่าวว่า คาด SET Index ผันผวน Downside จำกัด เป็นผลมาจากความรุนแรงของสถานการณ์ Covid-19 ในประเทศ เริ่มเปิด Downside ในทางปัจจัยพื้นฐานชัดเจนขึ้น โดยภาพรวมเศรษฐกิจ ธปท.ออกมาแสดงความกังวล และอาจเห็น GDP Growth ปี 2564 ที่ต่ำกว่า 1%
ส่วนประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน แม้ฝ่ายวิจัยทำไว้แบบ Conservative โดยมีค่า EPS ปี 2564 ที่ 71.2 บาท/หุ้น เทียบกับ Consensus ที่กว่า 83 บาท/หุ้น แต่ก็ยังมองเห็น Downside ในบางกลุ่มอุตสาหกรรมเล็กน้อยเช่น รับเหมาฯ ศูนย์การค้า, ค้าปลีก, เกษตร-อาหาร เป็นต้น
ส่วนประเด็นเรื่อง Vaccine ในประเทศที่มีการปรับสูตร และแนวทางการฉีดใหม่ อาจทำให้ Sinovac ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีการฉีดไปแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ล้านโดส ต้องมีการฉีดกระตุ้นเพิ่มSET Index ยังผันผวน แต่ Downside จำกัด พอร์ตจำลอง วันนี้ไม่มีการปรับเปลี่ยน โดยให้ถือครองเงินสดสำรอง 10% ส่วนหุ้นที่เป็น Top Pick เลือก COM7, LALIN และ NER ประเมินกรอบแนวรับ 1,535 จุด แนวต้านที่ 1,565 จุด
สำหรับ 3 หุ้นเด่น นำโดย NER (FV@9.50) หุ้นกลุ่มส่งออกยางพาราที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าโดยล่าสุดเงินบาทอยู่ที่ 32.7 บาท/เหรียญฯ(อ่อนค่ากว่า 7.7%(ytd) เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หนุนคำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่และเก่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หนุนแนวโน้มธุรกิจยางพาราของ NER จะเติบโตชัดเจนต่อจากนี้ โดยคาดกำไรสุทธิปี 2564-65 จะเพิ่มขึ้นถึง 87.5% yoy และ 17.4% yoy จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราเพิ่มขึ้น
หุ้นเด่นถัดมาคือ LALIN (FV@11.40) หุ้นน้องใหม่ที่ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรปกติ 3 ปีข้างหน้า (ปี2564-2566) เติบโตเฉลี่ย 11% ต่อปี โดยปี 2564ประเมินกำไรปกติ 1.32 พันล้านบาท (+9% yoy)สอดคล้องกับยอดโอนฯ 6.2 พันล้านบาท (+8% yoy)หนุนจากโครงการใหม่ที่จะเปิดปีนี้รวม 10-12 โครงการมูลค่า 6-7 พันล้านบาทอีกทั้งคาด Gross Margin ทรงตัวสูง 39% และSG&A/Sales อยู่ที่ 12.6% (ปีก่อน 12.8%) ตามฐานรายได้สูงขึ้น ทำให้ Norm Profit Margin อยู่ที่ 21.2%สูงเป็นลำดับต้นของกลุ่มฯอีกทั้ง Valuation ยังโดดเด่น ที่มี PER ซื้อขายต่ำกว่า 7เท่า, Net Gearing ต่ำสุดในกลุ่มฯ ที่ 0.26 เท่า และคาดDiv Yield 6% ต่อปี (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
หุ้นเด่นปิดท้ายคือ COM7 (FV@80.00) น่าสนใจจากประเด็นร้านค้าสามารถเปิดได้ตามปกติ ดังนั้น ผลกระทบรอบนี้น่าจะจำกัดเมื่อเทียบกับรอบที่แล้ว อีกทั้งราคาหุ้นยังปรับตัวลงแรงกว่า 4%วันศุกร์ที่ผ่านมา โดยทางพื้นฐานความต้องการสินค้าไอทีที่ยังเป็นขาขึ้น COM7 มีแผนเปิดรับโอกาสธุรกิจเต็มที่ผ่านการให้สินเชื่อทั้งตนเอง+พันธมิตร คาดปีนี้เติบโตกว่า 48%YoY ซึ่งมูลค่าพื้นฐานทางปัจจุบัน ยังไม่รวม Upside มาร์จิ้นจากแนวโน้มการขายอุป กรณ์เสริมซึ่งให้มาร์จิ้นสูง + ออนไลน์ซึ่งไม่มีต้นทุนสาขา เริ่มขยายตัวเร็วขึ้น และธุรกิจการเงิน
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways
ปัจจัยในประเทศยังไม่แน่นอน ประเมินกรอบแนวรับ 1,540 จุด และแนวต้าน 1,560 จุด เน้นSelective หุ้นแนวโน้มกำไรเด่น โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ
AOT แนวโน้มการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวต่อเนื่อมใน 2H64 จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามา และน่าจะได้sentiment บวกรยะสั้นเพิ่มเติมจาก
การเปิด อันดามัน Sandbox วันที่15 ก.ค. นอกจากนี้ถือเป็นหนึ่งในหุ้นRe-Opering ที่ราคาปรับตัวลงตอบรับประเด็นลบต่าง ๆ ไปแล้วพอสมควร
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 74 บาท
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ JMT คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 290 ล้านบาท (+3%000, +28%YOY ) มาจาก 1.ธุรกิจบริหารหนี้ ยอดเก็บเงินสด (+5%QOQ +19%YOY ) 2. ธุรกิจติดตามหนี้ทรงตัวในช่วงสถาบันการเงินมีการพักหนี้ 3. ธุรกิจประกันยังอยู่ในระดับคุ้มทุน ในขณะโครงสร้างต้นทุนทรงตัว ส่วน % GPM ดีขึ้นเล็กน้อยเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 53 บาท
บล.ไทยพาณิชย์ คาด SET กรอบบนเริ่มจำกัดที่แนวต้าน 1,555 และ 1,562 จุด ตามลำดับ โดยตลาดยังมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาด และรอดูผลของมาตรการ lockdown ว่าจะได้ผลหรือไม่ ทำให้ช่วงนี้ตลาดดูขาดปัจจัยหนุน ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวยังผันผวน และ SET ยังมี downside โดยมีกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1,542 และ 1,535 จุด ตามลำดับ กลยุทธ์ ใช้การเข้าซื้อแบบ Selective Buy ด้วยความระมัดระวัง
สำหรับ theme การลงทุน 1. Defensive Plays : กลุ่มการแพทย์ BDMS ,RJH สื่อสาร ADVANC 2. EV/Semiconductor : EA ,KCE ,HANA 3. Earnings Play : TU ,SCGP, TQM ,GPSC หุ้น mid-small cap. งบดี PM ,SFT, WICE ,NER
อย่างไรก็ตาม ระมัดระวังหุ้นกลุ่ม reopen คาดได้รับผลกระทบ lockdown 14 วัน CPN ,CRC ,CPALL, BTSGIF ,BEM ,CPW และสายการบิน/โรงแรม
หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ แนะนำ SCGP (ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 64 บาท) คาดกำไรปกติ 2Q64 โตเด่น ขณะที่ 3Q64 การเข้าซื้อกิจการบรรจุภัณฑ์ใน ตปท. เสร็จสิ้นจะช่วยหนุนให้กำไรเพิ่มขึ้นได้อีก 6-10% ซึ่งยังไม่ได้นำมารวมไว้ในประมาณการฯ และแนะนำ PM คาดกำไร 2Q64 โต YoY จากการออกสินค้าใหม่ และแผนเพิ่มช่องทางจำหน่ายออนไลน์เพื่อคุมต้นทุน
ขณะที่ บล.กสิกรไทย แจ้งว่า เป้าดัชนีวันนี้อยู่ที่ 1,535-1,570 จุด หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ3 หุ้นเด่น คือ MICRO ปัจจุบัน 9.10 บาท เป้าหมาย 9.60 บาท , SYNEX ปัจจุบัน 27.50 บาท เป้าหมาย 29.50 บาท หุ้นเด่นปิดท้ายคือ KCE ปัจจุบัน 76.25 บาท เป้าหมาย 80 บาท