ก.ล.ต.เชื่อบจ.ไม่เอี่ยวสแกมเมอร์ ทดสอบ’ซีเคียวริตี้บูโร’ พ.ย.นี้

#ก.ล.ต. #สแกมเมอร์ #ทันหุ้น - ก.ล.ต. เชื่อกรรมการ-ผู้บริหาร ของ บจ.ไม่ยุ่งเกี่ยวสแกมเมอร์ ชี้หากพบมีการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์ พร้อมลงโทษทันที หนักสุดจำคุก เดินหน้ายกระดับคุณภาพบจ.พร้อมเสริมธรรมาภิบาล-มาตรการผู้เกี่ยวข้องกับตลาดทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น แจงระบบซีเคียวริตี้บูโร เริ่มทดสอบพฤศจิกายนนี้ คาดเริ่มใช้จริง ไตรมาส 1/2569 ป้องไม่ซ้ำรอยอุตสาหกรรม ณ สิ้นกันยายนอยู่ที่ 4.87 หมื่นล้านบาท กรณี MORE ยอดปล่อยมาร์จิ้นโลนของโบรกเกอร์
จากกรณีที่ผ่านมามีข่าวบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หลายรายเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการสแกมเมอร์ ทำให้นักลงทุนมีความกังวลในเรื่องดังกล่าวนั้น
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) เปิดเผยว่า จากข่าวดังกล่าวก็ไม่ชัดเจนว่าสุดท้ายเป็นไปตามที่กล่าวหาหรือไม่ ซึ่ง บจ.เป็นบริษัทมหาชนนั้นเปิดโอกาสให้คนเข้ามาลงทุนได้ แต่หากบจ.มีการเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ก็จะเป็นความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหาร และตามเกณฑ์นั้น กรรมการและผู้บริหาร มีหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ซื่อสัตย์ สุจริต และไม่ให้บจ.เสียประโยชน์ต่างๆ
@เชื่อไม่เอี่ยวสแกมเมอร์
โดยหากมีการทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงที่ผิดกฎหมาย มีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ แต่ส่วนตัวมองว่า กรรมการและผู้บริหารบจ.ไม่น่าเอากิจการไปสุ่มเสี่ยงขนาดนั้น แต่หากมีการพบมีความผิดจริงเรื่องดังกล่าว และถึงแม้กรรมการหรือผู้บริหารนั้นลาออกไปแล้ว ก็ยังมีความผิดต้องถูกลงโทษ ซึ่งบทลงโทษมีทั้งเปรียบเทียบปรับไปถึงจำคุก
อย่างไรก็ตามหากเกิดกรณีสแกมเมอร์ หรือกรณีมีการฟอกเงิน ในส่วนของก.ล.ต.ก็จะมีอำนาจในการตรวจสอบเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น
ส่วนกรณี นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายเบน สมิธ ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะว่า นายเบนจามิน เบอร์เจอร์ ที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษ เป็นบุคคลเดียวกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือนายเบน สมิธ หรือไม่ นั้น ก.ล.ต.ส่งเรื่องให้ทางตำรวจไปตรวจสอบแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบข้อมูลว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่
“จากที่บจ.เป็นบริษัทมหาชนก็เปิดให้คนเข้ามาลงทุนได้ ซึ่งการเข้ามาลงทุนถ้าซื้อหุ้นแตะ 5% ต้องรายงานตามแบบของก.ล.ต. ซึ่งจะเปิดเผยรายชื่อ ซึ่งหากก.ล.ต.มีความสงสัยในชื่อก็จะเข้าตรวจสอบทันที แม้จะไม่มีคนร้องเรียนก็ตาม และก.ล.ต.มีการติดตามข้อมูลหากพบว่ากรรมการ และผู้บริหาร มีการดำเนินการที่ทำให้บจ.สุ่มเสี่ยงทำให้เกิดความสงสัยบจ.เสียหาย ก.ล.ต.ก็จะเข้าไปตรวจสอบหากพบมีการกระทำความผิดก็จะลงโทษกรรมการและผู้บริหารได้
@เพิ่มอำนาจผู้ถือหุ้น
นายเอนก กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้เดินหน้ายกระดับคุณภาพของบจ.โดยการเพิ่มอำนาจผู้ถือหุ้นเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสนใจในโครงการต่างๆ ของบจ.ได้มากขึ้น โดยการปรับปรุงเกณฑ์การทำรายการที่มีนัยสำคัญ (Material Transaction : MT) และการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน (Related Party Transaction : RPT) โดยปรับปรุงหากขนาดรายการ 15-50% ต้องผ่านที่ประชุมผู้ถือหุ้น จากเดิมที่ 25-50% ต้องผ่านที่ประชุมผู้ถือหุ้น และหากผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติมีคะแนนเสียง 10% ไม่เห็นด้วยนั้น บจ.ก็ไม่สามารถทำรายการดังกล่าวได้ โดยคาดว่าประกาศจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2568 และจะมีการจัดอบรมเตรียมความพร้อมให้กับบริษัทจดทะเบียนและผู้เกี่ยวข้อง ก่อนประกาศมีผลใช้บังคับ วันที่ 1 กรกฎาคม 2569
ขณะเดียวกัน ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อยกระดับการจัดทำการวิเคราะห์และคำอธิบายระหว่างกาลของฝ่ายจัดการ (Interim MD&A) เพื่อให้ผู้ลงทุนรับทราบถึงสถานะการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ บจ. และใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็น ก.ล.ต. เสนอแก้กฎหมายกำหนดหน้าที่ให้ผู้บริหารและกรรมการบริษัทจดทะเบียนรายงานการก่อภาระผูกพันในหลักทรัพย์ (Share Pledging) ในจำนวนที่มีนัยสำคัญเช่น การนำหุ้นไปวางเป็นหลักประกันจำนำ หรือโอนหุ้นให้ Custodian ถือแทน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่สำคัญ ครบถ้วน และเพียงพอเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนปัจจุบันอยู่ในกระบวนการออกกฎหมาย อีกทั้งได้กำหนดคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ภายในปีหน้า
@ซีเคียวริตี้บูโร
นายเอนก กล่าวถึง กรณีที่บล.ได้รับความเสียหายของบล.กรณี MORE จากที่โบรกเกอร์มีการปล่อยวงเงินมาร์จิ้นให้นักลงทุนรายเดียวกันจำนวนมาก โดยมีการทำระบบซีเคียวริตี้บูโร หรือ Securities Data Exchange Platform(ระบบ SDEP) เดือนพฤศจิกายนคาดว่าจะมีการทดสอบระบบ ซึ่งหากระบบไปได้ดี ก็จะเริ่มใช้ได้ในไตรมาส 1/2569
นอกจากนี้ก.ล.ต.ปรับปรุงหลักเกณฑ์ดูแลมาร์จิ้นโลนของโบรกเกอร์ จากเดิมกำหนดให้โบรกเกอร์ ปล่อยกู้มาร์จิ้นโลนไม่ให้เกิน 5 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น ได้ปรับลดลงเหลือไม่เกิน 4 เท่าของส่วนผู้ถือหุ้น เพื่อการกำกับดูแลการให้กู้ยืมมีความเหมาะสมและลดความเสี่ยง
สำหรับข้อมูลการปล่อยมาร์จิ้นโลนของโบรกเกอร์ทั้งอุตสาหกรรม ณ เดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ 4.87 หมื่นล้านบาท และมีการวางหลักประกันรวม 174,403 ล้านบาท ซึ่งยังสูงกว่ามูลหนี้อยู่ 3.58 เท่า
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
