ปีทองPPMปั๊มยอด2.5พันล. เปิดทางรับพันธมิตรโซลาร์
ทันหุ้น – PPM ฉายภาพปี 2565 ขึ้นแท่นปีทองธุรกิจ ปักเป้ายอดขายแตะ 2.5 พันล้านบาท ชี้โซลาร์เซลล์ตัวทำเงินหลักคาดโต 30%พร้อมเตรียมเปิดกระเป๋ารับทรัพย์ธุรกิจผลิตยางอีกไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ฟากผู้บริหารแย้มเปิดกว้างรับพันธมิตรลุยโซลาร์เซลล์
นายชำนาญ พรพิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พรพรหมเม็ททอล จำกัด (มหาชน) หรือ PPM เปิดเผยว่า ในปี 2565 คาดยอดขายทั้ง 3 บริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 2.5 พันล้านบาท ซึ่งในส่วนของธุรกิจโซลาร์เซลล์ บริษัท โซลาร์ พีพีเอ็ม จำกัด หรือ SPPM จะเป็นตัวหลักในการสร้างรายได้ โดยคาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 30% ส่วนของ บริษัท พรีเมี่ยม เฟล็กซิเบิ้ล แพคเกจจิ้ง จำกัด หรือ PFP คาดว่าจะโต 10% และส่วนของ PPM โต 20%
นอกจากนี้ยังมีรายได้อุตสาหกรรมผลิตแบริเออร์ยางพารา และเสาหลักนําทางยางพารา ซึ่งคาดว่าในปี 2565 จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
** โซลาร์ยังโดดเด่น
“ปีหน้าถือว่าโซลาร์ยังเป็นตัวที่โดดเด่น ซึ่งน่าจะโตอย่างน้อย 30% ส่วนธุรกิจอื่นยังคงเป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งเราพยายามบริหารจัดการให้มันดี รวมถึงยังมีส่วนของรายได้ยางเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าธุรกิจ 3 ส่วนจะทำยอดขายรวมไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท” นายชำนาญ กล่าว
นายชำนาญ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทเปิดกว้างรับพันธมิตรใหม่เข้ามาเพิ่มเติมในส่วนของธุรกิจโซลาร์ ซึ่งอยากให้เข้ามาเสริมด้านเงินทุน (Funding) เพื่อทำให้สามารถควบคุมต้นทุน และกระจายฐานลูกค้าให้ดีขึ้น เนื่องจากในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะนำ SPPM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
สำหรับทิศทางไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะฟื้นตัว เนื่องจากมีการเปิดประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น และการส่งออกยังอยู่ในทิศทางที่ดี สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3/2564 พลิกมีกำไรที่ 815,000 บาท เพิ่มขึ้น 114.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 5.66 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทย่อยประกอบธุรกิจโซลาร์เซลล์มีผลกําไรมาก ส่วนกำไรงวด 9 เดือนอยู่ที่ 47.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,503% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 3.35 ล้านบาท
** รายได้พุ่งขึ้น 58.37%
ขณะที่ในไตรมาสที่ 3/2564 บริษัทมีรายได้จากการขาย 537.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 58.37% เนื่องด้วยปัจจุบันบริษัทได้เพิ่มธุรกิจจัดจําหน่ายวัตถุดิบ สําหรับอุตสาหกรรมผลิตแบริเออร์ยางพารา และเสาหลักนําทางยางพารา และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง สําหรับราคาแร่ทองแดงและอะลูมิเนียมยังคงปรับสูงขึ้น ทําให้ราคาขายปรับเพิ่มขึ้น
ในขณะที่ปริมาณขายทั้งกลุ่มวัตถุดิบอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุก่อสร้างยังทรงตัว บริษัทย่อยแห่งหนึ่งผลิตสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์ ยอดขายลดลง 28.45% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สําหรับบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งประกอบธุรกิจโซลาร์เซลล์ ยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1,106.45% โดยเติบโต ทั้งในธุรกิจรับติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (EPC), ธุรกิจขายไฟฟ้า (PPA) และธุรกิจจําหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ในประเทศ บริษัทเชื่อมันว่าจะทํากําไรและเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง