รีเซต

รัฐบาลชูเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ดันท่องเที่ยวพ้นกับดักรายได้ต่ำ

รัฐบาลชูเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ดันท่องเที่ยวพ้นกับดักรายได้ต่ำ
ทันหุ้น
4 มิถุนายน 2568 ( 17:23 )
12

 

รัฐบาลชูเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ดันท่องเที่ยวพ้นกับดักรายได้ต่ำ สร้างรายได้ท่องเที่ยวปีละ 1-2 แสนล้าน ดันจีดีพีสูง 0.8%  ขณะที่ คาสิโนมีกฎหมายควบคุมเข้มงวด ย้ำจะผลักดันร่างกฎหมายให้เสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้

 

#ทันหุ้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวในระหว่างการแถลงข่าว ในหัวข้อทำไมประเทศไทยต้องมีเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวตลอด 15 ปีของไทย โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2553ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยติดอันดับโลกประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมาโดยตลอด ถึงแม้ช่วงโควิดนักท่องเที่ยวจะหายไปบ้าง แต่ช่วงปี 2566-2567ก็ทำสถิติกลับมาติด 10 อันดับโลกใหม่ได้ แต่ถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจะมีมาก แต่รายได้ต่อหัวที่เข้ามาใช้จ่ายในประเทศกลับไม่เพิ่ม เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกับดักการท่องเที่ยวของประเทศไทย จึงถึงเวลาที่ต้อง ‘สร้างโอกาส’ ครั้งใหม่ พัฒนาการท่องเที่ยวที่ทำให้รายได้ต่อหัวนักท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น

 

เขาเชื่อว่าในระยะเวลา 2 ปีที่เหลืออยู่ของสภาชุดนี้ หากมีการผลักดันการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ในสภาอย่างจริงจัง จะสามารถผลักดันกฎหมายนี้ให้มีผลบังคับใช้ในรัฐบาลชุดนี้ได้ ทั้งนี้หากไม่สามารถดำเนินการผลักดันกฎหมายนี้ให้เสร็จภายในสมัยรัฐบาลชุดนี้ได้ รัฐบาลชุดใหม่มีสองทางเลือกคือ ยืนยันร่างกฎหมายนี้และมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการชุดใหม่มาพิจารณาร่างกฎหมาย หรือปัดตกร่างกฎหมายนี้ไป

 

“ร่างกฎหมายฉบับนี้ จะเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร วาระที่หนึ่งในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีกว่าการพิจารณาทั้งจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา จะพิจารณาร่างกฎหมายแล้วเสร็จ และหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ ก็จะต้องมีขั้นตอนการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในพื้นที่ที่ถูกำหนด รวมถึงการพิจารณาองค์ประกอบที่ควรจะมีในเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เช่น indoor stadium สวนสนุกระดับโลก เป็นต้น เพื่อจัดทำเป็น TOR ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลารวมหลายปี”

 

เขากล่าวว่า เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ไม่สามารถตัดคาสิโน ออกไปได้ เนื่องจากเป็นโมเดลทางธุรกิจ หากตัดคาสิโนออกไป จะทำให้การลงทุนบางประเภทในเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น indoor stadium ที่ต้องใช้เงินลงทุน 3-4หมื่นล้านบาท

 

เขากล่าวว่า หากสังคมกังวลว่า กฎหมายนี้จะก่อให้เกิดคาสิโนเกิดขึ้นทั่วประเทศเป็นดอกเห็ด ทางรัฐบาลอาจพิจารณาว่าอาจจะกำหนดจำนวนเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ไว้ในกฎหมายก็ได้ หากกำหนดเช่นนี้แล้วจะทำให้เกิดความสบายใจขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเป็นไปไม่ได้ที่โครงการประเภทนี้จะเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ เพราะแต่ละโครงการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1แสนล้านบาท

 

ทั้งนี้ เขายังกล่าวอ้างถึง ความเห็นของผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ ที่ได้มาหารือกับตนว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในธุรกิจนี้ คาดว่าหลังการเปิดให้บริการแล้ว ภายใน 5-10 ปี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ของไทย จะใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจาก สหรัฐและมาเก๊า

 

ด้านนายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวใระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ว่า จากการประเมินการลงทุนในเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ในประเทศไทย คาดว่าจะต้องลงทุนอย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะสร้างผลกระทบต่อจีดีพีในระหว่างการก่อสร้างโครงการ 0.23%และเมื่อมีการเปิดให้บริการแล้ว จะช่วยสร้างจีดีพีปีละ 0.2-0.8%ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่ค่อนข้างต่ำ และจะช่วยให้การท่องเที่ยวพ้นกับดักรายได้จากการท่องเที่ยวที่อยู่ในระดับต่ำ

 

“เอ็นเตอร์เทนเมนท์จะเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศในการยกระดับการท่องเที่ยวของไทย นอกจากการเพิ่มจำนวนแล้ว ยังจะเพิ่มมูลค่าหรือค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวให้สูงขึ้น โดยจะมีการดึง event ระดับโลกมาในประเทศไทย เป็นการสร้าง man made destination เช่น สวนสนุกระดับโลก indoor stadiumขนาดใหญ่ที่สามารถจัด concertระดับโลกได้ หรือแข่งขันกีฬาระดับโลกได้ เป็นต้น”

 

เขากล่าวว่า โครงการนี้จะสามารถสร้างรายได้จากท่องเที่ยว 1-2 แสนล้านบาท/ปี และรัฐบาลจะมีรายได้จากภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 1.2-4 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 8 พันล้านบาท ถึง 3.5หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นรัฐบาลจะมีรายได้จากค่าใบอนุญาต 3 พันล้านบาท และค่าธรรมเนียมอีก 3พันล้านบาท/ปี

 

เขากล่าวว่า ในประเด็นเรื่องความกังวลว่า เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์จะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมายนั้น โครงการนี้จะเป็นจุดสุดท้ายที่คนที่คิดจะฟอกเงินจะเข้ามาฟอกเงินในที่นี้ ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และจิลเวลี่ มีความเสี่ยงในการใช้เป็นแหล่งฟอกเงินสูงกว่าด้วยซ้ำ นอกจากนี้จะมีมาตรการการป้องกันการเกิดปัญหาการติดการพนัน

 

“การเข้าไปในคาสิโน จะต้องทำ kyc ซึ่งจะต้องมีการสแกนใบหน้าและpassport และคนที่เข้าไปเล่น จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี นอกจากนั้น หากแลกชิปในคาสิโน ชิปที่ที่เหลือไม่ได้เกิดจากกาเล่นชนะพนัน จะถูกแสตมป์ non winning ซึ่งการตรวจสอบที่มาของเงินในคาสิโน ผู้ประกอบธุรกิจนี้มีความเข้มงวดโดยใช้มาตรฐานระดับโลก”

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง